คนเพื่อไทยฟันธง “ยิ่งลักษณ์” เผ่นแน่ หากสู้ต่อรอดยาก มั่นใจออกได้ทั้งพม่า-จีน-ลาว แต่ที่สะดวกคือลาว เหตุคนเสื้อแดงที่หลบภัยปูทางไว้หมด เชื่อฝ่ายความมั่นคงยอม ให้ใช้ชีวิตในต่างประเทศได้เช่นเดียวกับทักษิณ ยอมรับอนาคตพรรคเพื่อไทยมืดสนิท “นายใหญ่” นิ่งไม่ตอบรับทุกการติดต่อ สมาชิกในพรรคมีทั้งเลิกเล่นการเมืองและเริ่มหาพรรคใหม่
สถานการณ์ทางการเมืองของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในขณะนี้นับได้ว่าเริ่มเข้าสู่มุมอับมากขึ้นทุกขณะ แม้จะยอมเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการถอดถอนในคดีรับจำนำข้าวเมื่อ 23 มกราคม 2558 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติถอดถอน พร้อมด้วยอัยการสูงสุดมีมติฟ้องตามคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และทางอัยการจะยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้
อาการสะดุดของเส้นทางการต่อสู้ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่เริ่มเห็นอย่างชัดเจนว่าหน่วยงานบางหน่วยงานที่เคยไว้ใจได้เริ่มเปลี่ยนท่าทีไปในวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งการขออนุญาตต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเดินทางไปฮ่องกงในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ไม่ได้รับอนุญาตเหมือนที่เคยเป็นมา
หรือแม้กระทั่งการต้องเร่งทำพิธีไหว้บรรพบุรุษของตระกูลที่วัดโรงธรรมสามัคคี อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทุกปีจะทำในวันสงกรานต์ 13 เมษายน แต่ในปี 2558 นี้กลับไปทำพิธีในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมด้วยภาพการตรวจค้นรถคณะผู้ติดตามอดีตนายกฯ ของหน่วยงานความมั่นคง
นี่คือสถานการณ์ที่เริ่มไม่ปกติกับนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี
ทุกอย่างติดขัดไปเกือบทุกด้าน ที่เห็นได้ชัดคือ กรณีการขอเดินทางไปต่างประเทศ 2 ครั้งที่ผ่านมาไม่มีปัญหา
ครั้งแรกหลังจากถูกยึดอำนาจโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขออนุญาตเดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศแถบยุโรปในช่วงวันที่ 20 กรกฎาคมถึง 10 สิงหาคม 2557 เดินทางไปพร้อมกับเด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย โดยได้ร่วมงานวันเกิดของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร พี่ชาย และกลับมาประเทศไทยตามสัญญาที่ให้ไว้กับ คสช.
ครั้งที่สอง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อม “น้องไปป์” เด็กชายศุภเสกข์ บุตรชาย ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและเดินทางต่อไปประเทศจีน วันที่ 19 ตุลาคม 2557 และพบกับพี่ชายอย่างทักษิณ ชินวัตร อีกครั้ง
ครั้งนี้การขอเดินทางไปฮ่องกง ที่คาดกันว่าเป้าหมายจะไปพบกับพี่ชายอย่างทักษิณอีกครั้ง กลับไม่ได้รับการอนุญาต และเริ่มได้เห็นมาตรการเกาะติดความเคลื่อนไหวนางสาวยิ่งลักษณ์มากขึ้น จนลิ่วล้อของพรรคเพื่อไทยต้องออกมาโวยวายในการกระทำดังกล่าว โดยที่ฝ่ายความมั่นคงให้เหตุผลในเรื่องการรักษาความปลอดภัย
ปชป.เชื่อเป็นขั้นตอนกฎหมาย
แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เท่าที่ประเมินสถานการณ์ในเวลานี้เห็นว่า ที่รัฐบาลดำเนินการนั้นปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หลายฝ่ายก็เห็นแล้วว่าไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง เพราะก่อนหน้านี้ที่กระบวนการดำเนินคดีกับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยังไม่งวดเข้ามาก็อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศได้
รัฐบาลนี้ทำให้เห็นว่า กฎหมายคือกฎหมาย และกฎหมายเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศ จึงมั่นใจว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการคืนความปรองดองให้กับประเทศ และเชื่อว่าเสื้อแดงก็เข้าใจว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกับในส่วนของประชาธิปัตย์หลายคนก็ถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
รู้ว่าเตรียมหนี
ขณะมีกระแสข่าวเรื่องการขอลี้ภัยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เริ่มมีมากขึ้นทุกขณะ แม้นายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยออกมาปฏิเสธข่าวสหรัฐฯ ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปลี้ภัยที่สหรัฐอเมริกา
เพราะขั้นตอนของการส่งเรื่องจาก ป.ป.ช.ไปสู่อัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดเห็นสมควรสั่งฟ้อง แล้วส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว โอกาสที่จะรอดนั้นมีความเป็นไปได้น้อย
อีกทั้งก่อนหน้านี้มีคดีหลบหนีของผู้ต้องหามาแล้ว อย่างคดีของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549 และขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศเพื่อร่วมงานพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน เมื่อ 5 สิงหาคม 2551 และไม่ได้เดินทางกลับมา จนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551 พิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษก
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน แสดงความเห็นว่า ผมเข้าใจว่า คสช.คงเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณยิ่งลักษณ์อาจหลบหนี จึงยังไม่อนุญาตให้ออกนอกประเทศ เพราะถ้าออกไปในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้แล้วไม่กลับมา คสช.ก็จะถูกสังคมกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดได้เช่นกัน
ถ้าทนายคุณยิ่งลักษณ์จะอ้างว่าขัดหลักเสรีภาพ ก็ต้องมีคำอธิบายต่อกรณีของคุณทักษิณ ที่หนีคำพิพากษาและหมายจับหลายคดี รวมทั้งแนวร่วมหลายคนที่หลบหนีคดีต่างๆ อยู่ในขณะนี้ ว่าทำลายระบบยุติธรรมหรือไม่ เพราะคนเหล่านี้ไม่ขึ้นพิสูจน์ความผิดแล้วมาโจมตีว่าศาลไทยไม่ยุติธรรม อันนี้เสียหายมาก อย่ามาอ้างเสรีภาพที่มีเจตนาไม่สุจริต เพื่ออยู่เหนือระบบยุติธรรม
ถ้าทำให้ทุกคน ทุกคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยอมรับคำตัดสินศาล ผมถือว่านี่คือนับหนึ่งของการปรองดองที่แท้จริง
“ยิ่งลักษณ์” เผ่นแน่
ดังนั้นคนในตระกูลชินวัตรย่อมประเมินสถานการณ์ได้ดีว่า นับจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เพราะไม่ใช่เพียงกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์เท่านั้น
เนื่องจากเมื่อ11 กุมภาพันธ์ 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (สามีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ พี่สาวยิ่งลักษณ์) กับพวก ในความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
“เรามองว่างานนี้ฝ่ายทหารคงดำเนินการชนิดที่เรียกว่าล้างบางคนตระกูลชินวัตรกันเลย” แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยกล่าว พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์จากนี้ไปว่า
“คุณยิ่งลักษณ์คงอยู่ยากแล้ว ถ้าอยู่โอกาสที่จะถูกศาลตัดสินให้จำคุกมีความเป็นไปได้สูง เชื่อว่าคุณทักษิณก็คงไม่ยอมให้น้องสาวที่ยอมเข้ามาสานงานทางการเมืองต่อจากตัวเองต้องติดคุกแน่ ดังนั้นคุณยิ่งลักษณ์คงไม่อยู่แน่ อีกทั้งทุกอย่างก็เตรียมความพร้อมไว้แล้วทั้งที่เรียนของน้องไปป์ด้วย”
ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการคุยกันกับหลายฝ่าย ทั้งเรื่องการขอลี้ภัยกับประเทศเป้าหมายว่าจะยินยอมหรือไม่ หรือถ้าฉุกเฉินเส้นทางออกจากประเทศไทยไปประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่ได้ยากลำบากนัก มีทั้งเพื่อนบ้านอย่างพม่า จีนตอนใต้ ซึ่งทั้ง 2 ที่นี้อาจไม่สะดวกนักเพราะพลเอกประยุทธ์ได้ปูสายสัมพันธ์ไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง แต่ที่จีนหากจำเป็นจริงๆ ก็เดินทางไปได้เพราะคนของคุณทักษิณก็อยู่ที่นั่น
ที่สะดวกสุดคงเป็นลาว เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงที่หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ดังกล่าว อย่างวิสา คัญทัพและอีกหลายคน พวกนี้รู้เส้นทางเป็นอย่างดี เพราะเป็นพื้นที่เดิมที่เคยใช้พักพิงตั้งแต่ช่วงเหตุการณ์เดือนตุลาคมในอดีต เมื่อพ้นจากประเทศไทยไปได้ การที่จะต่อไปพื้นที่อื่นๆ นั้นไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ว่าจะเช่าเครื่องบินไปหรือให้เครื่องบินส่วนตัวของทักษิณมารับก็สามารถทำได้
ถามว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงรู้มั้ย คำตอบคือรู้ แต่วิธีการที่ดีที่สุดคือปล่อยให้อดีตนายกฯ ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศเหมือนกับพี่ชายของเขา น่าจะเป็นวิธีการที่หลายฝ่ายรับได้
อนาคตเพื่อไทยมืดสนิท
เขากล่าวต่อไปว่า สำหรับอนาคตของพรรคเพื่อไทยเวลานี้ถือได้ว่าน่าจะจบแล้ว เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นระดับใดในพรรคเพื่อไทย ติดต่อไปหาคุณทักษิณทุกช่องทางเงียบหมดและไม่มีการติดต่อกลับ แตกต่างจากเมื่อก่อน
อนาคตของพรรคคงต้องรอดูเรื่องของ ส.ส. 268 คนที่ถูกถอดถอนก่อนว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ตอนนี้ทุกคนเคว้ง และคนที่อยู่ก็หวั่นว่ามีสิทธิ์ติดคุกได้ตลอดเวลา มีบางคนก็ตัดสินใจเลิกเล่นการเมือง หันกลับไปทำอาชีพปกติ หรือบางคนก็เริ่มคุยกับพรรคอื่นๆ บ้างแล้ว หากทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ก็อาจย้ายไปสังกัดพรรคใหม่แทน ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณทักษิณด้วยว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
สำหรับชะตาชีวิตของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้หมอดูหลายท่านเห็นตรงกันว่านางสาวยิ่งลักษณ์มีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เช่นเดียวกับพี่ชายของเขา
เมื่อพิจารณาจากบริบทแวดล้อมที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ใกล้เข้าสู่ภาวะที่คนในตระกูลชินวัตรต้องตัดสินใจว่าจะเลือกสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ที่มีแนวโน้มว่าจะถูกพิพากษาลงโทษ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนในตระกูลนี้จะยอมรับกับสภาพการณ์เช่นนี้ การที่ไม่ต้องรับโทษ ไม่ต้องติดคุก ดีที่สุดคือต้องหนีออกไปต่างประเทศเช่นเดียวกับพี่ชายของเธออย่างทักษิณ ชินวัตร อีกไม่นานเราคงได้ทราบกัน
สถานการณ์ทางการเมืองของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในขณะนี้นับได้ว่าเริ่มเข้าสู่มุมอับมากขึ้นทุกขณะ แม้จะยอมเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการถอดถอนในคดีรับจำนำข้าวเมื่อ 23 มกราคม 2558 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติถอดถอน พร้อมด้วยอัยการสูงสุดมีมติฟ้องตามคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และทางอัยการจะยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้
อาการสะดุดของเส้นทางการต่อสู้ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่เริ่มเห็นอย่างชัดเจนว่าหน่วยงานบางหน่วยงานที่เคยไว้ใจได้เริ่มเปลี่ยนท่าทีไปในวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งการขออนุญาตต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเดินทางไปฮ่องกงในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ไม่ได้รับอนุญาตเหมือนที่เคยเป็นมา
หรือแม้กระทั่งการต้องเร่งทำพิธีไหว้บรรพบุรุษของตระกูลที่วัดโรงธรรมสามัคคี อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทุกปีจะทำในวันสงกรานต์ 13 เมษายน แต่ในปี 2558 นี้กลับไปทำพิธีในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมด้วยภาพการตรวจค้นรถคณะผู้ติดตามอดีตนายกฯ ของหน่วยงานความมั่นคง
นี่คือสถานการณ์ที่เริ่มไม่ปกติกับนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี
ทุกอย่างติดขัดไปเกือบทุกด้าน ที่เห็นได้ชัดคือ กรณีการขอเดินทางไปต่างประเทศ 2 ครั้งที่ผ่านมาไม่มีปัญหา
ครั้งแรกหลังจากถูกยึดอำนาจโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขออนุญาตเดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศแถบยุโรปในช่วงวันที่ 20 กรกฎาคมถึง 10 สิงหาคม 2557 เดินทางไปพร้อมกับเด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย โดยได้ร่วมงานวันเกิดของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร พี่ชาย และกลับมาประเทศไทยตามสัญญาที่ให้ไว้กับ คสช.
ครั้งที่สอง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อม “น้องไปป์” เด็กชายศุภเสกข์ บุตรชาย ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและเดินทางต่อไปประเทศจีน วันที่ 19 ตุลาคม 2557 และพบกับพี่ชายอย่างทักษิณ ชินวัตร อีกครั้ง
ครั้งนี้การขอเดินทางไปฮ่องกง ที่คาดกันว่าเป้าหมายจะไปพบกับพี่ชายอย่างทักษิณอีกครั้ง กลับไม่ได้รับการอนุญาต และเริ่มได้เห็นมาตรการเกาะติดความเคลื่อนไหวนางสาวยิ่งลักษณ์มากขึ้น จนลิ่วล้อของพรรคเพื่อไทยต้องออกมาโวยวายในการกระทำดังกล่าว โดยที่ฝ่ายความมั่นคงให้เหตุผลในเรื่องการรักษาความปลอดภัย
ปชป.เชื่อเป็นขั้นตอนกฎหมาย
แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เท่าที่ประเมินสถานการณ์ในเวลานี้เห็นว่า ที่รัฐบาลดำเนินการนั้นปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หลายฝ่ายก็เห็นแล้วว่าไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง เพราะก่อนหน้านี้ที่กระบวนการดำเนินคดีกับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยังไม่งวดเข้ามาก็อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศได้
รัฐบาลนี้ทำให้เห็นว่า กฎหมายคือกฎหมาย และกฎหมายเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศ จึงมั่นใจว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการคืนความปรองดองให้กับประเทศ และเชื่อว่าเสื้อแดงก็เข้าใจว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกับในส่วนของประชาธิปัตย์หลายคนก็ถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
รู้ว่าเตรียมหนี
ขณะมีกระแสข่าวเรื่องการขอลี้ภัยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เริ่มมีมากขึ้นทุกขณะ แม้นายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยออกมาปฏิเสธข่าวสหรัฐฯ ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปลี้ภัยที่สหรัฐอเมริกา
เพราะขั้นตอนของการส่งเรื่องจาก ป.ป.ช.ไปสู่อัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดเห็นสมควรสั่งฟ้อง แล้วส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว โอกาสที่จะรอดนั้นมีความเป็นไปได้น้อย
อีกทั้งก่อนหน้านี้มีคดีหลบหนีของผู้ต้องหามาแล้ว อย่างคดีของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549 และขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศเพื่อร่วมงานพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน เมื่อ 5 สิงหาคม 2551 และไม่ได้เดินทางกลับมา จนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551 พิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษก
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน แสดงความเห็นว่า ผมเข้าใจว่า คสช.คงเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณยิ่งลักษณ์อาจหลบหนี จึงยังไม่อนุญาตให้ออกนอกประเทศ เพราะถ้าออกไปในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้แล้วไม่กลับมา คสช.ก็จะถูกสังคมกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดได้เช่นกัน
ถ้าทนายคุณยิ่งลักษณ์จะอ้างว่าขัดหลักเสรีภาพ ก็ต้องมีคำอธิบายต่อกรณีของคุณทักษิณ ที่หนีคำพิพากษาและหมายจับหลายคดี รวมทั้งแนวร่วมหลายคนที่หลบหนีคดีต่างๆ อยู่ในขณะนี้ ว่าทำลายระบบยุติธรรมหรือไม่ เพราะคนเหล่านี้ไม่ขึ้นพิสูจน์ความผิดแล้วมาโจมตีว่าศาลไทยไม่ยุติธรรม อันนี้เสียหายมาก อย่ามาอ้างเสรีภาพที่มีเจตนาไม่สุจริต เพื่ออยู่เหนือระบบยุติธรรม
ถ้าทำให้ทุกคน ทุกคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยอมรับคำตัดสินศาล ผมถือว่านี่คือนับหนึ่งของการปรองดองที่แท้จริง
“ยิ่งลักษณ์” เผ่นแน่
ดังนั้นคนในตระกูลชินวัตรย่อมประเมินสถานการณ์ได้ดีว่า นับจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เพราะไม่ใช่เพียงกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์เท่านั้น
เนื่องจากเมื่อ11 กุมภาพันธ์ 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (สามีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ พี่สาวยิ่งลักษณ์) กับพวก ในความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
“เรามองว่างานนี้ฝ่ายทหารคงดำเนินการชนิดที่เรียกว่าล้างบางคนตระกูลชินวัตรกันเลย” แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยกล่าว พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์จากนี้ไปว่า
“คุณยิ่งลักษณ์คงอยู่ยากแล้ว ถ้าอยู่โอกาสที่จะถูกศาลตัดสินให้จำคุกมีความเป็นไปได้สูง เชื่อว่าคุณทักษิณก็คงไม่ยอมให้น้องสาวที่ยอมเข้ามาสานงานทางการเมืองต่อจากตัวเองต้องติดคุกแน่ ดังนั้นคุณยิ่งลักษณ์คงไม่อยู่แน่ อีกทั้งทุกอย่างก็เตรียมความพร้อมไว้แล้วทั้งที่เรียนของน้องไปป์ด้วย”
ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการคุยกันกับหลายฝ่าย ทั้งเรื่องการขอลี้ภัยกับประเทศเป้าหมายว่าจะยินยอมหรือไม่ หรือถ้าฉุกเฉินเส้นทางออกจากประเทศไทยไปประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่ได้ยากลำบากนัก มีทั้งเพื่อนบ้านอย่างพม่า จีนตอนใต้ ซึ่งทั้ง 2 ที่นี้อาจไม่สะดวกนักเพราะพลเอกประยุทธ์ได้ปูสายสัมพันธ์ไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง แต่ที่จีนหากจำเป็นจริงๆ ก็เดินทางไปได้เพราะคนของคุณทักษิณก็อยู่ที่นั่น
ที่สะดวกสุดคงเป็นลาว เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงที่หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ดังกล่าว อย่างวิสา คัญทัพและอีกหลายคน พวกนี้รู้เส้นทางเป็นอย่างดี เพราะเป็นพื้นที่เดิมที่เคยใช้พักพิงตั้งแต่ช่วงเหตุการณ์เดือนตุลาคมในอดีต เมื่อพ้นจากประเทศไทยไปได้ การที่จะต่อไปพื้นที่อื่นๆ นั้นไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ว่าจะเช่าเครื่องบินไปหรือให้เครื่องบินส่วนตัวของทักษิณมารับก็สามารถทำได้
ถามว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงรู้มั้ย คำตอบคือรู้ แต่วิธีการที่ดีที่สุดคือปล่อยให้อดีตนายกฯ ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศเหมือนกับพี่ชายของเขา น่าจะเป็นวิธีการที่หลายฝ่ายรับได้
อนาคตเพื่อไทยมืดสนิท
เขากล่าวต่อไปว่า สำหรับอนาคตของพรรคเพื่อไทยเวลานี้ถือได้ว่าน่าจะจบแล้ว เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นระดับใดในพรรคเพื่อไทย ติดต่อไปหาคุณทักษิณทุกช่องทางเงียบหมดและไม่มีการติดต่อกลับ แตกต่างจากเมื่อก่อน
อนาคตของพรรคคงต้องรอดูเรื่องของ ส.ส. 268 คนที่ถูกถอดถอนก่อนว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ตอนนี้ทุกคนเคว้ง และคนที่อยู่ก็หวั่นว่ามีสิทธิ์ติดคุกได้ตลอดเวลา มีบางคนก็ตัดสินใจเลิกเล่นการเมือง หันกลับไปทำอาชีพปกติ หรือบางคนก็เริ่มคุยกับพรรคอื่นๆ บ้างแล้ว หากทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ก็อาจย้ายไปสังกัดพรรคใหม่แทน ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณทักษิณด้วยว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
สำหรับชะตาชีวิตของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้หมอดูหลายท่านเห็นตรงกันว่านางสาวยิ่งลักษณ์มีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เช่นเดียวกับพี่ชายของเขา
เมื่อพิจารณาจากบริบทแวดล้อมที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ใกล้เข้าสู่ภาวะที่คนในตระกูลชินวัตรต้องตัดสินใจว่าจะเลือกสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ที่มีแนวโน้มว่าจะถูกพิพากษาลงโทษ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนในตระกูลนี้จะยอมรับกับสภาพการณ์เช่นนี้ การที่ไม่ต้องรับโทษ ไม่ต้องติดคุก ดีที่สุดคือต้องหนีออกไปต่างประเทศเช่นเดียวกับพี่ชายของเธออย่างทักษิณ ชินวัตร อีกไม่นานเราคงได้ทราบกัน