เกาะกระแส
00 เรียกว่าประกบกันทุกฝีก้าวกันเลยทีเดียวกับความเคลื่อนไหวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯที่กำลังจะถูกเรียกให้ไปพบอัยการฯเพื่อนำตัวไปฟ้องศาลฎีกาฯในวันที่ 19 ก.พ.นี้ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ดังนั้นการตรวจสอบรถยนต์ของ ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่หน้าบ้านพักในอ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มองจากความเคลื่อนไหวก็คือการประกบตัวเพื่อป้องกันการหลบหนี ซึ่งในความเป็นจริงมันก็เป็นไปได้สูงเสียด้วย
00 คำพูดดักคอของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคงที่ว่าคนเป็นถึงอดีตนายกฯคงไม่หนี มันก็สะท้อนให้เห็นชัดแล้วว่า "กลัวหนี"จึงต้องสั่งประกบทุกฝีก้าว หลังจากไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้ และยิ่งชัดเจนก็คือหลังจากนี้จะปล่อยให้เป็นดุลพินิจของศาลว่าจะไฟเขียวหรือไม่ ซึ่งก็จะลดแรงกดดันลงไปได้มาก ขณะเดียวกันยังเป็นการลดเสียงวิจารณ์ อย่างน้อยก็จะมีเรื่อง"ละเมิดอำนาจศาล"ค้ำคอจนต้องสงบปากสงบคำลงไปเหมือนกัน
00 อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดก็คือ "การปลุกระดมมวลชน"ในลักษณะสะสมความกดดัน ซึ่งเครือข่ายระบอบทักษิณ มีความถนัดก็คือ การสร้างภาพ"ถูกรังแก"แบบสองมาตรฐาน ไม่ได้รับความเป็นธรรม บิดเบือนความจริง เหมือนอย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังถูกดำเนินคดีฐานสร้างความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว กว่า 7 แสนล้านบาท ถามว่าเมื่อความเสียหายเกิดขึ้นมหาศาลแบบนี้ และคนไทยรวมทั้งคนเสื้อแดงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่และมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีก็ต้องรับภาระชดใช้หนี้กันไปชั่วลูกชั่วหลาน มันสมควรที่จะปล่อยให้ลอยนวลแล้วหรือ ถ้ารัฐบาลไม่จัดการนี่สิสมควรถูกประณามมากกว่า !!
00 เวลานี้มีการคาดเดากันมากมายว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะหนีก่อนถูกฟ้องขึ้นศาลฎีกาในวันที่ 19 ก.พ.หรือหลังจากนั้นแต่ก่อนที่จะมีคำพิพากษาออกมา พิจารณาตามรูปการณ์แล้วเป็นไปได้พอๆกัน นั่นคือหนีก่อนโดยใช้วิธี"ลี้ภัย"ซึ่งนาทีนี้เชื่อว่าถ้าจะลี้ภัยก็ลี้ภัยในสหรัฐฯ หรือถ้าจำเป็นก็อาจหลบเข้าไปขอความคุ้มครองในสถานทูตสหรัฐฯในไทยก่อนแล้วค่อยต่อรองขอออกนอก วิธีการแบบนี้จะใช้ข้ออ้างในเรื่อง"ถูกคุมคาม"ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่ถ้าหนีหลังจากศาลรับฟ้องแล้ว แบบนั้นเข้าข่ายหนีคดีอาญา ชะตากรรมจะเป็นแบบพี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร ที่จะต้องกลายเป็น"สัมภเวสี"ลอยไปลอยมาตามกันไป !!
00 สังเกตหรือไม่ว่าในช่วงเวลานี้กระบวนการยุติธรรมของไทยเริ่ม"เดินเครื่อง"กันเต็มกำลัง อย่างที่ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน หลังจาก "ป๋าเปรม"พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ออกมาเร่งเร้าให้จัดการกับพวกขี้โกงให้เด็ดขาด รุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งกระบวนการยุติธรรมที่ว่านี้ไม่เกี่ยวกับศาลยุติธรรม แต่เป็นกระบวนการ"ต้นน้ำ" เช่น ตำรวจที่กำลังเร่งรัดจัดการกับ"ขบวนการล้มเจ้า"กันอย่างเอาจริงเอาจังมากขึ้นกว่าเดิม อัยการที่เริ่มหันมาสั่งฟ้องคดีสำคัญไล่มาตั้งแต่ชี้ขาดสั่งฟ้องอาญากับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากโครงการรับจำนำข้าว กกต.ก็ให้ใบแดงส่งศาลกับพวกนักการเมืองที่ทุจริตเลือกตั้งตามมา ทำให้น่าจับตากันต่อไปว่าในร่างรธน.ฉบับใหม่จะบัญญัติห้ามนักการเมืองที่เคยมีประวัติโกง ลงสนามตลอดชีวิตได้หรือเปล่า เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็บอกได้คำเดียวว่า"แทบร้าง"กันเลยทีเดียวแหละ !!