xs
xsm
sm
md
lg

เฟซทูตมะกัน ระบุ “อุปทูต” ถกรองนายกฯ เรื่อง “คุ้มครองผู้ลี้ภัย” “ยะใส” จับตาสหรัฐฯจุ้น! กระบวนการลี้ภัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อุปทูตดับเบิลยู. แพทริค เมอร์ฟี ที่เข้าพบนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้า
เผยเฟซบุ๊กสถานทูตมะกัน ระบุ “อุปทูตมะกัน” หารือกับรองนายกฯ เรื่อง “คุ้มครองผู้ลี้ภัย” “ยะใส” จับตาสหรัฐฯ จุ้น! กระบวนการลี้ภัย “ป.ป.ช.” แจงปูไม่มาส่งสำนวนฟ้องได้ทันที ด้าน “คสช.” ปัดทำเกินเหตุตรวจรถ “ยิ่งลักษณ์” ส่วนคนเพื่อไทย ยังอ้างวาทกรรมสองมาตรฐาน

วันนี้ (11 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า เว็บไซต์ และ เฟซบุ๊ก สถานทูตสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ภารกิจของอุปทูต ดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี ที่เข้าพบ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้า เพื่อหารือมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ในหลากหลายประเด็นที่มีความสำคัญต่อทั้งสองประเทศ รวมทั้งต่อภูมิภาคและในวงกว้าง โดยได้กล่าวถึงความร่วมมือในการต่อสู้กับเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ และปัญหาด้านสาธารณสุขอื่นๆ “การคุ้มครองผู้ลี้ภัย” และเหยื่อการค้ามนุษย์ การส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนาการศึกษา

อุปทูตเมอร์ฟี และรองนายกรัฐมนตรี ยังได้หารือเกี่ยวกับการกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยอีกด้วย สหรัฐฯ ยังคงดำเนินงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับรัฐบาลไทยในประเด็นสำคัญต่างๆ ที่ส่งผลต่อสวัสดิภาพและความมั่นคงของทั้งสองประเทศและภูมิภาคนี้

เวลาเดียวกัน นางเจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ถึงกรณีดังกล่าว ว่า รายงานข่าวคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีไทย สร้างความกังวลใจอย่างแน่นอน แม้ตามปกติ รัฐบาลสหรัฐฯจะไม่มีท่าทีตอบโต้ใดๆ หากเหตุการณ์นั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจะตรวจสอบว่ามีหน่วยงานใด ได้แสดงความกังวลต่อรัฐบาลไทยถึงคำพูดดังกล่าวหรือไม่

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น “นิกเคอิ เอเชียน รีวิว” ตอนหนึ่งระบุว่า ตอบคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในประเทศไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบโดยตรง เพียงแต่กล่าวว่า “ประเทศไทยไม่เหมือนที่อื่น หากรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งวุ่นวายได้ ก็เป็นหน้าที่ของกองทัพ ที่จะต้องเข้ามาจัดการอีกครั้ง”

ป.ป.ช.แจงปูไม่มาส่งสำนวนฟ้องได้ทันที

ด้าน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีการนัดส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 19 ก.พ. นี้ ว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มารายงานตัวในวันที่ 19 อสส. ก็นำสำนวนไปฟ้องได้ทันที เพราะในวันฟ้องไม่จำเป็นต้องนำตัวจำเลยไปด้วย แต่ถ้าศาลพิจารณารับฟ้องเมื่อใด กระบวนต่อไปของศาล คือ ต้องตั้งองค์คณะและจะนัดพิจารณาครั้งแรก ซึ่งในวันนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องเดินทางมายืนต่อหน้าศาลด้วยตัวเอง ถ้าไม่ไปก็ถือว่า จะต้องไปดำเนินการเพื่อให้ได้ตัวมา

ส่วน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธถึงกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการลี้ภัยทางการเมือง ว่า ไม่ทราบเรื่องและไม่อยากให้คิดไปไกล ซึ่งต้องไปถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ เอง อย่างไรก็ตาม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็จะมีการดูแลความปลอดภัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวมาโดยตลอดว่า ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นหลักการสำคัญของรัฐบาลที่ไม่ต้องการใช้อำนาจพิเศษ เพราะต้องการให้ทุกอย่างเดินสู่กระบวนการยุติธรรม

ส่วนที่ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุในกรณีตรวจค้นรถยนต์ส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า คงไม่เกินกว่าเหตุ อีกทั้งเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3 ได้ชี้แจงแล้วว่าโดยปกติถือเป็นแนวทางการปฏิบัติที่หากมีบุคคลสำคัญระดับวีไอพีเข้ามาในพื้นที่ จะต้องให้ความเคารพ และดูแลให้มีความปลอดภัย มาตรการเหล่านี้ต้องดำเนินต่อไป ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจ ต่างพยายามใช้ความนุ่มนวลในการปฏิบัติหน้าที่

จับตาสหรัฐฯจุ้น! กระบวนการลี้ภัย

นายสุริยะใส กตะศิลา ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) โพสต์เฟซบุ๊กสวนตัวถึงกรณีนี้ว่า ปริศนา! ว่าด้วยการขอลี้ภัยในสหรัฐฯของคุณยิ่งลักษณ์

“วันนี้เห็นข่าวนายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ออกมาปฏิเสธข่าวสหรัฐฯให้ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปลี้ภัยที่สหรัฐฯ ทั้งนี้ ข่าวยังค่อนข้างคลุมเครืออยู่ว่าที่ไม่ได้ให้ลี้ภัยนั้น เพราะว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอไป หรือยื่นไปแล้วแต่สหรัฐฯไม่อนุญาตหรืออย่างไร ดูเหมือนอุปทูตสหรัฐฯไม่ได้ตอบคำถามอย่างละเอียดและตรงไปตรงมา

ทั้งนี้ ถ้าย้อนไปดูในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีเรื่องที่เกินความคาดหมาย และไม่มีคำอธิบายที่แจ่มแจ้งใดๆ เลย ก็คือ การปรากฏตัวของคุณทักษิณที่สหรัฐฯ ทั้งที่ แอลเอ แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก และในอีกหลายๆ เมือง

ทำเอาคนไทยทั้งในประเทศและในสหรัฐฯสงสัย เคลือบแคลงใจว่า คุณทักษิณเข้าสหรัฐฯไปได้อย่างไร ในเมื่อคุณทักษิณ หนีคดีทุจริตคอร์รัปชัน และถือว่าพฤติกรรมของสหรัฐฯครั้งนั้นเป็นการละเมิด พ.ร.บ. ส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ไทยกับสหรัฐฯ ลงนามกันและประกาศใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 และไทยยังลงนามกับสหรัฐฯ ในสนธิสัญญาว่าด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางอาญาอีกฉบับด้วย ซึ่งสนธิสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้ ฝ่ายไทยเคารพและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เป็นไปอย่างมหามิตร เช่น กรณีที่ทางการไทยส่งตัวนายฮัมบาลี ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย นายวิคเตอร์ บูต พ่อค้าอาวุธชาวรัสเซียไปดำเนินคดีที่สหรัฐฯ

จนทำให้คนไทยในสหรัฐฯต้องประท้วงรัฐบาลสหรัฐฯว่าทำไมจึงปล่อยให้คุณทักษิณเข้าสหรัฐฯ และไม่นำส่งตัวคุณทักษิณให้กับทางการไทยตามสนธิสัญญาฯ ดังกล่าว

ผมจำได้ว่าตอนนั้นทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย บอกแต่เพียงว่าทางการไทย (รัฐบาลยิ่งลักษณ์) ไม่ทำเรื่องขอตัวคุณทักษิณไป ทางสหรัฐฯเลยทำอะไรไม่ได้ และพอไปทวงถามรัฐบาลไทยตอนนั้น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ก็บอกว่ารัฐบาลไม่มีนโยบาย

มาครั้งนี้จึงน่าคิดครับว่าที่สหรัฐฯปฏิเสธข่าวการลี้ภัยของคุณยิ่งลักษณ์ หมายถึงสหรัฐฯไม่มีทางให้สิทธิลี้ภัย หรือเพราะคุณยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้ทำเรื่องขอใช้สิทธิไปกันแน่...

เพื่อไทย ยังอ้างวาทกรรมสองมาตรฐาน

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส. สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคือการตรวจค้นติดตาม ก่อนหน้านี้ ทหาร และตำรวจ ไม่ได้มีภารกิจบริเวณดังกล่าว จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไป จึงมีการตั้งด่านตรวจ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังสอดรับกับการที่ไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปต่างประเทศ เพราะกลัวว่าจะหลบหนี ซึ่งข้อเท็จจริงนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดมาตลอดว่าจะไม่หนี

“การติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องที่แตกต่าง ผิดกับการกระทำกับอีกฝ่ายหนึ่ง ที่ พระสุเทพ ปภากาโร ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปไหนมาไหนก็มีตำรวจอารักขาอย่างดี การรวมตัวและฟังคำเทศน์ที่วัดสวนโมกข์ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการปราศรัยบนเวที กปปส. ถือเป็นการกระทำสองมาตรฐานที่ไม่เป็นธรรม”

นายวรชัย กล่าวอีกว่า อย่าลืมว่าความรู้สึกของประชาชนเก็บไว้ทุกอย่าง สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นการเติมเชื้อไฟในใจประชาชน ขอเรียกร้องว่าให้เกียรติกันบ้าง นายกฯยิ่งลักษณ์ และพวกเราไม่หนีไปไหน ขอให้เคารพสิทธิกันบ้าง

ป.ป.ช. ทำหนังสือถึงพาณิชย์ - คลัง เรียกค่าเสียหายคดีจีทูจี

อีกด้าน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการส่งสำนวนอาญาคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบให้แก่อัยการสูงสุด (อสส.) ว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.พ.) ป.ป.ช. จะทำหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง เพื่อให้เรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 73/1 วรรคท้าย แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 จากนั้นในวันที่ 16 ก.พ. 58 จะส่งสำนวนการไต่สวนในคดีอาญากล่าวหา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวกรวม 21 ราย ไปให้กับอัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดอาญา นายบุญทรง กับพวกรวม 21 ราย กรณีระบายข้าวจีทูจีโดยมิชอบ แบ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ราย คือ นายบุญทรง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ พ.ต.วีระวุฒิ วัจจนะพุกกะ เลขานุการนายบุญทรง ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ 3 ราย เอกชน 13 ราย และบริษัท 2 แห่ง คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และ บริษัท สิราลัย จำกัด หรือ บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด


กำลังโหลดความคิดเห็น