เกาะกระแส
00 เป็นอันว่าเวลานี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่มีทางได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศก่อนที่จะถูกอัยการสูงสุดนำตัวไปส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ในวันที่ 19 ก.พ.เวลา 10.00 น. ซึ่งเป็นรายงานข่าวที่ยืนยันออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็มีรายงานข่าวจาก ป.ป.ช.ว่าอัยการสูงสุดส่งหนังสือยืนยันการนำตัวเธอส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ มาให้ทราบแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา เมื่อเป็นแบบนี้ก็ถือว่า "นับถอยหลัง" เสี่ยงคุกสูงยิ่ง !!
00 แน่นอนว่าก่อนถึงวันเวลาดังกล่าว มันก็ถึงเวลาที่เธอและทีมงานทางกม.ที่จ้างมาในราคาแพงคงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อหาทาง "เผ่น" ออกไปให้ได้เสียก่อน เหตุผลที่อ้างก็คือ เวลานี้ศาลยังไม่รับฟ้อง หรือยังไม่ส่งฟ้อง ดังนั้น ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ผิด ยังไม่เข้ากระบวนการ อะไรประมาณนั้น แต่ความหมายก็คือ นี่คือกำลังใช้ "ช่องว่าง" ทางกฎหมายเพื่อหลบหนีหรือเปล่า เชื่อว่าทุกคนที่รู้ทันก็พอมองออก และยิ่งใครที่ยังจำเหตุการณ์เมื่อครั้ง "พี่ชาย" ของเธอคือ ทักษิณ ชินวัตร ใช้ช่องทางขออนุญาตไปชมโอลิมปิก ที่ปักกิ่ง โดยอาศัยลูกน้อง"ถั่งเช่า" คือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่เป็นประธาน กก.โอลิมปิกฯ การันตีและอ้างหนังสือเชิญเพื่อหลบไปนอกก่อนที่ศาลจะตัดสินคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ แล้วก็หนีมาจนถึงบัดนี้ ดังนั้นกรณีของ ยิ่งลักษณ์ มันก็น่าจะเป็นอีหรอบเดียวกัน
00 งานนี้สำหรับ คสช. ที่ต้องรับหน้าเสื่อว่าจะ "ไฟเขียว" หรือไม่ มองอีกมุมหนึ่งไม่ว่าออกทางไหนก็หนีไม่พ้นถูกวิจารณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากไฟเขียวรับรองว่า "โดนด่ายับ" แน่ แม้ว่าหาก ยิ่งลักษณ์ ออกไปแล้วก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเธอจะหนีหรือไม่ แต่ในความเป็นไปได้มันมีสูงยิ่ง ดังนั้นการดึงเรื่องเอาไว้ก่อนจนกว่าจะมีการนำตัวส่งฟ้องศาล จากนั้นก็ให้เป็นดุลพินิจของศาล ถึงตอนนั้นมันก็น่าจะเหมาะกว่า และที่สำคัญก็เหลือเวลาก่อนจะถึงวันส่งฟ้องอีกไม่กี่วันเท่านั้น !!
00 วันนี้(10 ก.พ.) ก็เป็นกำหนดการที่ นายกฯ"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนำคณะกลับมาถึงไทย หลังจากเสร็จสิ้นการเยือนญี่ปุ่น "ครั้งสำคัญ" ที่บอกว่าครั้งสำคัญ เพราะในกำหนดการที่เปิดเผยออกมาให้เห็นล้วนมีผลต่อ "ยุทธศาสตร์" ระหว่างประเทศ ต่อภูมิภาค ที่สำคัญงานนี้เป็นการเดินทางไปเยือนตามคำเชิญของ นายกฯญี่ปุ่น ซินโซ อาเบะ ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งถล่มทลายกลับมาบริหารประเทศอีกรอบ ดูจากหัวข้อในการหารือ ก็ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคตอันใกล้ทั้งสิ้น ทั้งการลงทุนในระบบราง เส้นทางรถไฟสายใหม่ โครงการทวายในพม่า เพียงแค่นี้มันก็ "มหาศาล" และนี่ยังเป็นการถ่วงดุลซ้อน ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ตามมาอีกด้วย ส่วนมะกัน ปล่อยให้ดิ้นพล่านไปอีกสักพัก !!
00 กระแสต่อต้านการทุจริตเริ่มได้รับการขานรับในวงกว้างเรื่อยๆ และตื่นตัวมากขึ้น อยากให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และยิ่งคนที่กระตุ้นคือ "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ก็ยิ่งมีความหวังที่จะเกิดขึ้นจริงมากที่สุด เท่าที่เห็นก็คือการตั้ง "ศาลป้องกันฉ้อราษฎร์ฯ" มีความเป็นไปได้ แม้ว่าจะมาในชื่ออื่นก็ตามที แต่ความหมายเดียวกันก็ไม่เป็นไร ขณะเดียวกันใครคัดค้าน หรือขัดขวาง มันจะมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็น"พวกโกง" หรือคิดจะโกงในอนาคตเท่านั้น !!