สะเก็ดไฟ
บทสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ในการตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าว เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ถึงเหตุวางระเบิดบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยามสแควร์ หน้าห้างสยามพารากอน โดยผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกี่ยวโยงกับการเมืองหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ยังไม่ชัดเจน แต่ต้องไปดูว่าใครที่ออกมาพูดจาใช้ความรุนแรงอะไรต่างๆ เหล่านี้ ก็ต้องไปสอบว่า ยึดโยงกันหรือเปล่า
คล้ายๆ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีมือวางระเบิดในใจ บอกใบ้เป็นไกด์ไลน์ให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบหาคำตอบมาให้ได้
ขณะที่ฝ่ายเสื้อแดง วรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ออกมาระบุ น่าจะเป็นฝีมือของคน 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่ต้องการให้คงกฎอัยการศึกไว้ โดยอ้างว่ายังมีเหตุรุนแรงอยู่ และ 2. กลุ่มที่มีอำนาจ ไม่พอใจ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการลองของ ประลองกำลัง เพื่อสร้างสถานการณ์ส่งสัญญาณไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ฉะนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีคนจงใจสร้างให้เกิดขึ้น
คำตอบกรณีนี้มีหลายคำตอบ แล้วจะเชื่อเหตุผลของใครมากกว่า คงต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ และข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาว่า น้ำหนักจะอยู่ฝั่งไหน
ทว่า เหตุการณ์บึ้มป่วนเมือง นับเป็นครั้งแรกของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หลายคนตั้งข้อสังเกตถึงการก่อเหตุครั้งนี้ ว่า ยึดโยงการเมืองขั้วอำนาจเก่าหรือไม่ หลังจากที่มีการถอดถอน อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงการตั้งข้อสังเกต แดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา แสดงท่าทีกดดันไทยให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึก
แต่มันคุ้มหรือไม่ ที่รัฐบาลจะเอาความเชื่อมั่น เอาเครดิตของตัวเองไปแลกกับความเหมาะสมในการประกาศกฎอัยการศึก เพื่อให้มีต่อไป เพราะถึงอย่างไรคนไทยก็ทำใจไว้อยู่แล้วว่า กฎอัยการศึกจะหมดอายุลงพร้อมๆ รัฐบาลชุดนี้ คงไม่ต้องใช้วิธีสร้างสถานการณ์
ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ที่ผ่านมาหลังจากมีการยึดอำนาจ ก็ถูกบล็อก และจับตาอย่างใกล้ชิด
แต่ไม่ว่าจะมาสาเหตุใด คนที่ถูกตำหนิย่อมหนีไม่พ้นรัฐบาล หน่วยงานด้านความมั่นคง ที่พลาดท่าทำให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น ท่ามกลางการประกาศกฎอัยการศึก ที่ทหารมีอำนาจเต็มมือ ผนวกกับการจับมือกับตำรวจ ตรวจตราสถานการณ์แบบเดินแทบจะชนกัน ยังมีช่องโหว่ช่องว่างให้ก่อเหตุ
หลายคนยังสังเกตว่า อาจแค่หวังผลสร้างสถานการณ์ ที่แม้ว่าจะเกิดระเบิดตูมขึ้นในย่านเศรษฐกิจที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่เคราะห์ดี ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต
คำถามคือ แล้วใครสร้างสถานการณ์ ส่วนคำตอบ รัฐบาลและองคาพยพที่มีต้องหามาให้ได้
เพราะด้านฝ่ายความมั่นคงก็ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ได้มีการเตือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้า เรื่องที่จะมีเหตุเกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่ารู้ และมีการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มเหล่านี้อยู่ แต่สุดท้ายตะครุบโจรไม่ทัน
แม้ที่ผ่านมาเหตุการณ์ระเบิดป่วนเมืองจะเกิดขึ้นจนคนไทยเกือบจะชิน และที่สำคัญไม่เคยจับมือใครดมได้ แต่ช่วงที่เกิดขึ้นเป็นรัฐบาลพลเรือน ขณะที่ช่วงนี้ เป็นรัฐบาลทหาร ทหารคุมทั้งนโยบาย ฝ่ายความมั่นคง แต่เหตุสะเทือนขวัญยังเกิดขึ้นได้ แบบลอดหูลอดตาในย่านใจกลางเมืองย่านธุรกิจสำคัญๆ ด้วย
ต้องยอมรับว่า สถานการณ์แบบนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว ลดคะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ลงอีกต่างหาก ต้องรีบจัดการหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ และเพิ่มมาตรการให้เข้มงวดกวดขันขึ้นอีก
หากยังหามือระเบิดไม่ได้ ก็เตรียมตัวระวัง !!! อาจมีเหตุการณ์ซ้ำรอย เย้ยอำนาจทหารอีกระลอก ถึงตอนนั้นก็กลัวไฟจะลามทุ่ง กลายเป็นสนามให้พวกก่อหวอดลองของประลองกำลัง ท้าอำนาจรัฐ
แล้วหากความท้าทายแบบนี้ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง จะนำมาสู่อะไรในอนาคต คำตอบคือ คนไม่กลัวกฎอัยการศึก แล้วรัฐบาลจะลำบาก เพราะราคาพืชผลเกษตรก็ตกต่ำ ชาวสวนยางพารา ก็ร่ำๆ จะเข้ากรุง ข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจตกต่ำ สารพัดปัญหา ถนนทุกสายจะมุ่งตรงมาทำเนียบรัฐบาล
ปัญหาต่างๆ จะทำให้หมูไม่กลัวน้ำร้อน ความเชื่อมั่นไม่มี ปัญหาบานปลายแน่