เกาะกระแส
00 งานนี้เรียกว่า"แส่"กันจนได้เรื่องสำหรับสหรัฐฯที่ส่ง แดเนียล รัสเซลล์ ผช.รมต.ต่างประเทศด้านเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก เข้ามาจุ้นจ้านในบ้านเรา เพราะการแสดงท่าทีแบบ"ลูกพี่"กับ"ลูกน้อง"กับไทยดูเหมือนว่ายุคนี้มันไม่ค่อยได้ผล เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะโลกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และที่สำคัญเราก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสหรัฐฯทุกอย่าง แม้ว่าหากพึ่งได้ก็ดี แต่เมื่อทำตัว"เรื่องมาก"วางท่าใหญ่โตข่มเพื่อนอยู่ร่ำไป ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีดีอะไรมากนัก ก็ต่างคนต่างอยู่ก็ได้ แบบในลักษณะ"ไม่ต้องเป็นศัตรูกัน"อยู่กันห่างๆบ้างก็ดีเหมือนกัน
00 การตอบโต้กลับไปอย่างเป็นระบบของรัฐบาลไทย ทั้งนายกฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศ ที่นำโดย พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร และ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศที่แท็กทีมหยิบยกเรื่อง "ศักดิ์ศรี"ของชาติที่ยืนยันกลับไปให้สำนึก รวมไปถึงการชี้ให้เห็นว่าในเมื่อเราเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมา"นับร้อยปี"ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากลับไม่เข้าใจกัน แต่กลับมา"สร้างบาดแผลในใจ"ให้กับคนไทยเป็นการซ้ำเติมในยามยาก มันก็ช่วยไม่ได้ที่เราจำเป็นต้องเดินตามแนวทางของเราต่อไป แม้ว่าใจจริงเราก็ยังอยากเป็นมิตร เป็นเพื่อนแต่ถ้ายังทำตัวน่ารำคาญแบบนี้ ก็เชิญตามสะดวก เราก็จะได้หาเพื่อนใหม่ๆแก้เครียดกันดีกว่า
00 การที่ไทยแท็กทีมตอบโต้สหรัฐฯอย่างเป็นระบบทั้งในระดับรัฐบาลและระดับของประชาชนที่เคลื่อนไหวต่อต้านและประณามการแทรกแซงกิจการภายในของไทย แบบนิ่มๆทำให้เห็นว่าน่าจะเป็น"ครั้งแรก"ที่ทำให้สหรัฐฯต้องออกมาแถลงโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเจน ซากี ที่ปฏิเสธว่าสหรัฐไม่ได้มีเจตนาแทรกแซงกิจการภายในของไทย เพียงแต่ต้องการให้การเมืองไทยมีความครอบคลุมมากขึ้นเท่านั้น และที่สำคัญก็คือยังหวังว่า "เราจะยังคงพูดคุยกันต่อไป"หากพิจารณาจากความหมายจากคำพูดที่แสดงออกมามันก็เหมือนกับ"คิดได้"บ้างเหมือนกันว่า "กูพลาดไปแล้ว" แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเราเป็นประเทศเล็ก คงไม่ทำให้สหรัฐสะเทือนและต้องแคร์มากนัก แต่ในทางการเมืองโลก และผลประโยชน์ของชาติการมีเพื่อนมันมิดีกว่าหรือ อีกทั้งอย่าลืมว่าในทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งของไทยที่เป็นศูนย์กลางภูมิภาค ลองติดดูว่ามันคุ้มกันหรือไม่ แม้ว่าอาจจะไม่ชอบ คสช.ไม่ชอบการรัฐประหาร แต่ในเมื่อยังอยู่ในช่วงเฝ้าจับตาให้โอกาสก็ต้องรอดูกันไปก่อน และที่ผ่านมาก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นไปไล่ล่าไล่ทุบแบบป่าเถื่อน ถึงได้บอกว่างานนี้สหรัฐ"เสียหาย"ไม่คุ้มกันเลย !!
00 หากวิเคราะห์กันถึงที่มาที่ไปของการมาไทยของ แดเนียล รัสเซลล์ มองได้หลายมุม หากมองในแง่ของการยกระดับความสัมพันธ์ ก็จะเห็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนแรกของสหรัฐที่มาเยือนไทย นับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา เริ่มที่จะอยู่นิ่งไม่ได้ เมื่อเห็นไทยเริ่มสนิทสนมกับจีนอย่างออกนอกหน้า แต่การที่ไปรับข้อมูลมาจากฝ่าย"ทักษิณ ชินวัตร" ที่เรียก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ไปรับฟังคำยุยงกันถึงสถานทูตสหรัฐฯแล้วออกมาพูดในทำนองสร้างบาดแผลในใจให้คนไทย ผลออกมามันก็เลยไม่สวย และที่สำคัญงานนี้ฝ่าย ยิ่งลักษณ์ ก็ดูไม่งาม มันเหมือนกับการไม่รักชาติยังไงไม่รู้ ขณะที่ฝ่าย รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช.กลับใช้จังหวะรักษา"ศักดิ์ศรีของชาติ"ได้อย่างเหมาะเจาะ "โกยแต้ม"ไปอีกกระบุง
00 เมื่อเรื่องสหรัฐฯผ่านไปแล้ว ดังนั้นเงื่อนไขสำคัญที่ชี้เป็นชี้ตาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะก็ยังเป็นเรื่องปัญหาปากท้อง ราคาสินค้าแพง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ต้องแก้ให้ได้โดยเร็ว เพราะนี่คือสัญญาณอันตราย ที่จะทำให้การปฏิวัติ"เสียของ"กลายเป็นเงื่อนไขให้"พวกทักษิณ"ใช้เป็นจุดอ่อนเข้าโจมตีแล้วกลับมามีอำนาจอีกครั้งผ่านทางการเลือกตั้งในอีกไม่นาน เพราะเลี่ยงไม่ได้ จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตื่นตัว สั่งให้รีบช่วยเหลือหามาตรการเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายของประชาชนอย่างเร่งด่วน ก็ต้องถือว่าเข่งกับเวลา ขณะเดียวกันกำลังเข้มกับพวก ขรก."เกียร์ว่าง"ทั้งหลาย งานนี้ถือว่าน่าลุ้นและต้องจับตามองกันนับจากนี้ !!