รายงานการเมือง
หมากเกมนี้แรง ทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาคือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาอย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชือดเฉือนแก้เกมกันก่อนถึงวันฎีกาชะตา 23 ม.ค.อย่างไม่มีใครยอมใคร
นาทีนี้ทุกคนรู้แล้วว่า หมากในกระดานถอดถอนทั้งหมดพุ่งเป้าไปสู่การเด็ดหัว “ขุน” อย่างยิ่งลักษณ์มากกว่าเบี้ยบ้ายรายทางอย่างสองประธาน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ที่ลงมติชี้ชะตาในวันเดียวกัน ทั้งที่ความพฤติกรรมหนักหนาสาหัสพอกัน
ต่างฝ่ายต่างรุกกันในเกมที่ตนเองถนัด เท่าที่เวลามีอยู่ โดยของ ป.ป.ช.เองก็ชัดเจนแล้วว่า เดินเกมนี้อย่างเต็มสูบเพื่อหวังปลิดชีพทางการเมืองของยิ่งลักษณ์ให้ได้ทุกกลไกที่มีอยู่ในมือ ต่อให้ต้องชักแม่น้ำทั้งห้าก็ตาม ตั้งแต่การนำเอากรณีที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์แจ้งความกับกองปราบฯ เพื่อดำเนินคดีกับคู่สัญญาของรัฐในโครงการรับจำนำข้าวมาอยู่ในความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว
การชี้มูลบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และพวกรวมกัน 21 คน ในสัปดาห์โค้งสุดท้ายที่คะแนนเสียงในสนช.กำลังแกว่งไปแกว่งมาระหว่างเชือดกับปล่อย เพื่อเป็นการประจานโครงการรับจำนำข้าวที่นอกจากเกิดความเสียหายแล้ว ยังมีการทุจริตกันมโหฬาร เสริมน้ำหนักและเหตุผลให้ สนช.ที่กำลังชั่งใจตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยมีกระแสสังคมเป็นตัวกดดันอีกทาง
ในวันเดียวกันกับการชี้มูลบุญทรง อีกมือหนึ่งของ ป.ป.ช.อย่างคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ของโครงการรับจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ ก็ตีฝีพายคู่กันไป ในที่ประชุมมีตัวแทนฝ่าย ป.ป.ช.10 คน ฝ่าย อสส.3 คน และก็ได้เรื่องทันควันหลังจากยืดเยื้อมานาน ข้อยุติสรุปว่า อสส.ยอมส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนที่เช้าวันต่อมานายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รอง อสส.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย อสส. ที่ถูกมองว่าสนิทกับยิ่งลักษณ์ ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมจะออกมาฟาดงวงฟาดงาว่าไปประชุมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เรื่อง พับผ่า!!!
จับทิศจับทางงานนี้ไปๆ มาๆ วุฒิพงศ์เสียท่าหน้าแตก อสส.ตกม้าตายแพ้เหลี่ยม ป.ป.ช. ที่รวบหัวรวบหางตีกินกันง่ายๆ ได้สองต่อ ทางหนึ่งชี้มูลบุญทรงเพื่อตอกลิ่มความอัปยศของโครงการ อีกทางหนึ่งคอนเฟิร์มข่าวว่าคณะทำงานร่วมคดียิ่งลักษณ์ได้ฤกษ์ให้ อสส.ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อเพิ่มน้ำหนักในการถอดถอนยิ่งลักษณ์ใน สนช. เรียกว่าเล่นกันทุกกระบวนท่า
มองไปที่มุมแดง ฝ่ายพรรคเพื่อไทยเองก็รู้ยุทธศาสตร์ปั่นกระแสของฝ่ายตรงข้ามดีอยู่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากออกลูกมวยวัด ดาหน้าออกมาสอพลอปกป้องนายหญิงกันจ้าละหวั่น ทั้งที่ถูกสั่งและไม่ได้สั่ง เสนอหน้าออกมาอ้าปากเถียงแทนนายหญิงกันแทบจะหมดพรรค งัดสารพัดมุกมาดิสเครดิต ป.ป.ช. เอากันถึงขนาดขอให้ศาลตรวจสอบคุณสมบัติ “ภักดี โพธิศิริ” กรรมการ ป.ป.ช. เล่นมุขนี้จนแป้กแล้วแป้กอีก ก็ยังจะเล่นกันต่อไป และแน่นอนว่าประเด็นบุญทรงต้องโดนร้องแรกแหกกระเชอ จนเป็นหอแต๋วแตกว่า ป.ป.ช.มีวาระซ่อนเร้น ที่ชี้มูลกันในช่วงเวลานี้ เหมาะเจาะเหมาะเหม็งตอนที่ยิ่งลักษณ์กำลังรอขึ้นเขียงรุมสับ!
สองฝ่ายปั่นกระแสแข่งกันเพื่อให้ สนช.ที่ยังลังเลไม่ตัดสินใจ เอนเอียงมาเข้าข้างฝ่ายตนให้มากที่สุด ชักคะเย่อแย่งชิงกระแสจนอลหม่าน คนเสพข่าวการเมืองเจอประเด็นนี้จนอ้วก คดีของ สมศักดิ์-นิคม เลยจืดสนิท กลายเป็นเรื่องของปลาซิวปลาสร้อยไป
การจะตอกฝาโลงยิ่งลักษณ์ให้สนิท ส่วนหนึ่ง ป.ป.ช.ต้องเอาพยานหลักฐานในคดี “จีทูเจี๊ยะ” ของบุญทรงออกมาประจานสังคมอีกกระทอกแน่นอน สาธยายว่ามันฉ้อฉลโกงกินกันอย่างไร เอกชนที่ไปแอบอ้างรัฐบาลจีนมาทำสัญญาซื้อข้ายข้าวแบบ “จีทูเจี๊ยะ” กลายเป็น “เจ๊งทูเจ๊ง” มีขบวนการอย่างไร ข้าวที่บอกจะนำไปขายมีการลักไก่นำมาเวียนเทียนในประเทศอย่างไร ต้องฉายกันให้ชัดๆ คาตา โดยเฉพาะ “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทรสกุลพร จิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่พัวพันกับพรรคเพื่อไทยและนักโทษชายทักษิณอย่างไร
เรื่องนี้คนส่วนใหญ่รู้ว่าโกง แต่ไม่รู้ว่าเส้นสนกลในขบวนการเขมือบข้าวทำกันอย่างไร ไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ว่าใครเป็นใคร ฉะนั้น ป.ป.ช.ต้องฉายให้ชัด พร้อมใบเสร็จที่มัดไม่ให้หลุด หากทำได้จะเป็นการประจานความฉิบหายของโครงการรับจำนำข้าวแบบได้น้ำได้เนื้อ เห็นภาพมากกว่ามูลค่าความเสียหาย 6 แสนล้านบาทที่ประชาชนยังไม่รู้เท่าไหร่ว่ามันเสียหายอย่างไร
ถ้าใบเสร็จมัดตราสัง กรณี “จีทูเจี๊ยะ”จะเป็นอีกหนึ่งโครงการอัปยศระดับปล้นเงินชาติได้เลย บุญทรงกลายเป็นบุญทรุด ยากจะดิ้นหลุดในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จุดจบคงไม่ต่างจากวัฒนา อัศวเหม กรณีทุจริตคลองด่าน นายประชา มาลีนนท์ กรณีทุจริตจัดซื้อเรือรถดับเพลิง หรือแม้แต่นักโทษชายทักษิณที่ถูกพิพากษาจำคุก จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศ
เหลือบไปดูองคาพยพของพรรคเพื่อไทย บุญทรงเองก็ไม่ใช่ปลาซิวปลาสร้อยที่จะมองข้ามได้ จัดเป็นตัวไซส์กลางถึงใหญ่ พลิกประวัติแบบฉบับซ้อ 7 ภรรยาของบุญทรงซี้ย่ำปึ้กกับ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้ทรงอิทธิพลในพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ลูกหาบ ลิ่วล้อในพรรคต่างรู้กันดีว่าบุญทรงคือ มือขวาของเจ้าแม่วังบัวบาน เป็นมือทำงานสำคัญให้หลายเรื่องจนไต่เต้าขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการแบบทางด่วน แต่เรื่องราวอื้อฉาวมันก็เกิดขึ้นแบบรถด่วนเช่นกัน นั่งเป็นรัฐมนตรีไม่ทันไรฉาวโฉ่เหม็นหึ่งกันทั้วเมือง โดยเฉพาะเรื่องอื้อฉาวในโครงการรับจำนำข้าวที่มักจะมีการพาดพิงไปถึง “แดงซาลาเปาอวบ” เสมอ เพียงแต่หลักฐานสาวไปไม่ถึง และยังไม่มีใบเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันng
ยิ่งจับสัญญาณต่างๆ นานาสารพัดก็ไม่ได้บ่งบอกไปทางทิศทางที่ดี องค์กรอิสระใส่เกียร์ 5 เดินหน้าเต็มสูบทุกคดีของพรรคเพื่อไทย ส่วน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เจ้าของเรือแป๊ะ ระยะหลังออกอาการหงุดหงิดขึงขังแปลกๆ วาทะวลีเด็ด “จะไม่ปรองดองกับคนผิด” สองสามวันติดๆ
เหมือนส่งสัญญาณให้เชือดยังไงก็ไม่รู้ งานนี้ไปโดนใครกดดันอะไรมาหรือเปล่า ถึงได้เปลี่ยนท่าทีแบบไม่ค่อยจะเต็มใจนัก
ประเมินแล้วไม่น่าจะใช่ข่าวดีสำหรับตระกูลชินเลย หรือถึงคราวต้องสูญพันธุ์ทางการเมืองซะแล้ว!!