รายงานการเมือง
สัญญาณเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแล้วแต่คนแปรรหัส ก่อนหน้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณา หนาหูมากว่า สนช.สายทหารจะปล่อยผีหมดป่าช้าเพื่อนโยบายปรองดองของผู้มากบารมีคนปัจจุบัน
แต่ก่อนเข้าโค้งสุดท้ายสัญญาณกลับออกมาอีกทางว่า ให้เชือดปลาใหญ่อย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนเดียว แล้วปล่อยปลาซิวปลาสร้อยที่เหลือไม่ว่าจะเป็นสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และลิ่วล้อทั้งหลายที่ร่วมกันชำแหละรัฐธรรมนูญ
หลังปลัดกระทรวงพาณิชย์หิ้วหลักฐานไปแจ้งความกับกองปราบในคดีรับจำนำข้าว สนช.หลายก๊กตีความกันไปคนละแบบ บางกลุ่มฟันธงว่า เป็นสัญญาณเชือด ขณะที่บางกลุ่มแฉว่า เป็นข่าวปล่อยของพวกกลุ่ม 40 ส.ว. ที่ต้องการทำให้สังคมไขว้เขว ขณะที่สนช.สายทหารและตำรวจหลายคนที่เป็นสายตรงของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสนช. เรียงหน้าออกมาปฏิเสธข่าวลือมี "ใบสั่งให้ปล่อยผี"ทำให้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่า สุดท้ายผู้มากบารมีส่งสัญญาณอะไรกันแน่
ระหว่างที่สัญญาณยังคลุมเครือ กลับมีตัวแปรสำคัญเกิดขึ้นนั่นคือ การที่ยิ่งลักษณ์เบี้ยวมาตอบข้อซักถามของกรรมาธิการซักถามสนช. โดยมอบหมายให้มือปืนรับจ้าง อดีตรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวสมัยยังเป็นรัฐบาลมาแทน ก่อนที่สนช.จะงัดแท็กติกปิดไมค์ออกมาแก้เกมจนหน้าหงาย
เนื่องเพราะคำถามส่วนใหญ่เป็นคำถามที่ถามยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่อดีตรัฐมนตรี ทำให้มือปืนรับจ้างทำได้แต่เพียงฟังคำถามตาแป๋ว แต่ไม่มีโอกาสได้ตอบเลยแม้แต่คำถามเดียว
เบ็ดเสร็จแล้ว การเดินทางมาของมือปืนรับจ้างตระกูลชินวัตรนั้นกลายเป็นการเข้าร่วมพิธีกรรม ในขณะที่สถานการณ์ของยิ่งลักษณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย ซ้ำยังแย่ลงไปกว่าเก่าจากวันแถลงเปิดสำนวนที่ยืนอ่านโพยพูดจาฉะฉานจนชาวบ้านเคลิ้ม ทำคะแนนแซงสนช.และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คู่ความไปหลายช่วงตัว จนมโนได้ว่า อาจเป็นเหตุผลที่จะทำให้สนช.สายทหารหยิบเป็นอ้างอิงให้การยกมือโหวตปล่อยผีในวันลงมติ 23 ม.ค.นี้
ไหนเลยจะคาด การไม่มาตอบข้อซักถามด้วยตัวเองทำให้คะแนนดิ่งลงเหวแบบกระชากไม่อยู่เพราะ 1.เป็นการตอกลิ่มว่า วันแถลงเปิดสำนวนที่ดูฉะฉานสืบเนื่องจากเธอมีเวลาซ้อมมาหลายวัน สามารถยืนบนสภาได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องเกร็ง เพราะอ่านอย่างเดียว ไม่ต้องตอบข้อซักถามของสมาชิกสนช. แค่ทำให้การชี้แจงประทับใจคนดูเป็นพอ และ2.เป็นการแสดงให้เห็นว่า ยิ่งลักษณ์ยังคงเป็นยิ่งลักษณ์ ในช่วงตลอดการบริหารประเทศเธอโยนงานให้คนอื่นทำอย่างเดียว โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว จึงไม่มีข้อมูลจะมาอธิบาย การถามสดไม่มีเวลาให้ซักซ้อม หากมาเองอาจโดนสมาชิกสนช.ไล่ต้อนจนปล่อยเอ๋อออกมาในที่สุด
จึงพยายามอาศัยบุญเก่าเมื่อตอนแถลงเปิดสำนวนที่ทำไว้ดีเป็นต้นทุน ไม่ให้ต้องมาตกวูบในชั้นซักถามของกมธ.ซักถาม เลยให้ลิ่วล้อที่รู้เรื่องมากกว่ามาเป็นมวยแทน แต่ปรากฎว่า หมากเกมดังกล่าวมีคนรู้ทัน รูปเกมเลยกลับตาลปัตร ภาพออกมากลายเป็นว่า ยิ่งลักษณ์กำลังชิ่งหนีความจริง และความผิด ซวยซ้ำสอง
คือ การไม่มาตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง ปล่อยให้ป.ป.ช.ยืนกระซวกไส้อย่างเมามันอยู่ข้างเดียว ทำให้สังคมรับข้อมูลอีกด้านไปเต็มๆ แล้วยังทำให้คะแนนโหวตฝั่งยิ่งลักษณ์ในสนช.หายไปได้ไม่น้อย เพราะหากสมาชิกสนช.คนใดลงมติปล่อยผีทั้งที่ยิ่งลักษณ์ไม่ได้อธิบายอะไรเลยสักคำ คงต้องหาคำตอบมาตอบสังคมและสาธารณชนให้ได้ว่า
เหตุใดจึงลงมติในลักษณะอย่างนั้น เพราะก่อนหน้านี้หลายคนยืนกรานว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจเพราะรอฟังกมธ.ซักถามก่อน
สมาชิกสนช.หลายคนที่เคยมีแนวความคิดจะปล่อยผีเพื่อความปรองดองจอมปลอม หรือไม่อยากเป็นศัตรูกับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรตอนแก่ นาทีนี้คงคิดกันไม่ตก หากโหวตฟอกความผิดให้ยิ่งลักษณ์ตามธงเดิมจะตอบสังคมอย่างไรและจะใช้เหตุผลข้อไหนมาอ้างอิง ต่อไปคนเหล่านี้จะยืนอยู่ในสภาผู้ทรงเกียรติอย่างไม่เป็นสุข เพราะถูกจับจ้องจากสังคม กลายเป็นเป้าโจมตี จนทำงานอย่างยากลำบาก เป็นสายล่อฟ้าที่มีคนจ้องจะเล่นงานอยู่เสมอ เพราะประชาชนเห็นกันทนโท่ว่า มีความเสียหายกองอยู่ตรงหน้า มีใบเสร็จมีหลักฐาน แต่กลับปล่อยตัวการใหญ่
เช่นเดียวกันหากยิ่งลักษณ์ตัดสินใจมาวันนั้นแล้วตอบคำถามได้ดี ประชาชนเคลิ้มตาม อย่างน้อยสมาชิกสนช.กลุ่มนี้ยังพอมีข้ออ้างให้ยกมือโหวตช่วยได้ ดังนั้น การไม่มาตอบข้อซักถามของยิ่งลักษณ์จึงถือเป็นการตัดสินใจผิดมหันต์ และทำให้อนาคตทางการเมืองของเธอเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ ต่อให้ที่ประชุมสนช.วันแถลงปิดสำนวนจะเปิดโอกาสให้เธอได้อ้าปากชี้แจงบนฟลอร์อีกครั้งหนึ่งก็ตาม แต่มันอาจจะสายเกินไปแล้ว
ยิ่งกลับไปเช็กสภาพอาการของรัฐบาลในปัจจุบัน ระยะหลังพูดเป็นนัยหลายครั้ง โดยเฉพาะคิวที่ประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ที่กล่าวตัดบทในที่ประชุมว่า
“เรื่องการทุจริต ถ้ามีให้ดำเนินการไปอย่างเต็มที่ และถ้ากฎหมายมันเอื้อให้ทำได้ ก็ทำไปให้สุด ถ้าจำเป็นต้องถอดถอน ก็ต้องถอดถอน ถ้าจำเป็นต้องดำเนินฟ้องคดีอาญา ก็ต้องทำไป หากดำเนินการเสร็จแล้วถ้าคิดจะลดหย่อนผ่อนโทษ จะอภัยโทษ จะนิรโทษกรรมอย่างไร มันมีขั้นตอนของมัน จะไปกระโดดข้ามขั้นตอนไม่ได้”
ทุกอย่างที่ออกมาตอนนี้แทบไม่ส่งผลดีกับยิ่งลักษณ์เลย แล้วหากมองเกมยาวๆ การสอยยิ่งลักษณ์พ้นเส้นทางการเมือง เท่ากับว่า พรรคเพื่อไทยจะหมดสินค้าหน้าร้านที่จะเอามาโชว์ขายได้อีก ตระกูลชินวัตรเหลือเพียงสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ที่ไม่น่าจะขายได้ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ติดภาพลักษณ์เรื่องทุจริตคอร์รัปชันที่อาจโดนล่อเป้าหนักกว่ายิ่งลักษณ์หลายขุม
หรือแม้แต่ “โอ๊คอ๊าก” พานทองแท้ ชินวัตร ที่ไม่มีวันเอาขึ้นห้างได้ เพราะโดนต้านหนักแน่ เด็กเกินไป แถมประวัติไม่ดี
เพื่อไทยจะขาดหัว ในขณะที่
ประชาธิปัตย์ยังไม่ใช่อีกทางเลือกที่คนจะหันเหเปลี่ยนใจให้
ดีไม่ดีสอยยิ่งลักษณ์งวดนี้ อาจกลายเป็นการขยายเวลาบริหารประเทศให้ “บิ๊กตู่” แบบกลายๆ ได้เหมือนกัน ในภาวะที่บ้านเมืองยังหาทางเลือกดีๆ ใหม่ๆ ไม่ได้.