รายงานการเมือง
อีกไม่ชั่วอึดใจก็ได้เวลาเคานต์ดาวน์อนาคตอดีตนายกฯหญิง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นสำนวนคดีให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอนออกจากตำแหน่งทางการเมือง หลังพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าข่ายว่าละเว้นการยับยั้งให้เกิดความเสียหายจากโครงการทุจริตจำนำข้าว ยิ่งเวลาขยับเข้ามาใกล้เท่าใดยิ่งทำให้ต้องลุ้นระทึกแบบลมหายใจจะขาดห้วง
แต่ยิ่งปรากฏการณ์ใกล้ลูกผีลูกคน ทำให้ลิ่วล้อเครือข่ายนายใหญ่ออกมาร้องโหวกเหวกโวย อ้างสารพัดความไม่เป็นธรรม ความไม่เหมาะสมที่จะถอดถอดนายหญิง โดยเฉพาะ “เสื้อแดงฮาร์ดคอร์” ไล่ตั้งแต่ “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ก่อแก้ว พิกุลทอง ออกมาแสดงความเห็นในเชิงขู่ ยกประเด็นปรองดองขึ้นมาต่อรอง
โดย นายก่อแก้ว ถึงขั้นกับบอกว่า “ต้องเอาคำว่า ปรองดองเก็บใส่หีบเหล็กล็อกกุญแจกาลเวลา ชาติหน้าจึงเปิดมาใช้ได้ ชาตินี้ขอพอกันที ไม่ใช่ว่าจะเอาคำว่าปรองดองมาขวางกั้นการทำหน้าที่ของ สนช. ไม่ว่าจะมองมิติไหนล้วนแต่ไม่มีเหตุผลในการถอดถอนทั้ง 3 ท่านทั้งสิ้น ถ้า คสช. ยังปล่อยให้กลุ่มฝ่ายแค้น กระเหี้ยนกระหือรือเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และ นายนิคม โดยไม่สนใจหลักความถูกต้องและความเป็นธรรม ก็ไม่มีทางที่บุคคลที่ถูกกระทำและกลุ่มผู้สนับสนุนจะยอมรับได้ จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะไม่สามารถยุติความขัดแย้งได้อีกนาน ถ้า คสช. ปล่อยให้การถอดถอนสำเร็จ การยึดอำนาจครั้งนี้ก็จะเสียของอย่างแน่นอน”
ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยยังเล่นเกมคู่ขนานไล่บี้ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการในบริษัท องค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2549 ซึ่ง นายภักดี จะต้องลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวภายในวันที่ 6 ต.ค. 2549
จะเห็นได้ว่าลิ่วล้อนายใหญ่ยังคงเล่นเกมแบบเดิมๆ ที่เคยทำมา เพื่อตัดคะแนนความชอบธรรมของฝ่ายตรงข้าม หวังเลี้ยงกระแสฝ่ายเชียร์ให้เกิดความเข้าใจผิด ปลุกขึ้นมาต่อต้านหลังจาก สนช. ถ้ามีมติในทางที่เป็นลบต่อฝ่ายตัวเอง
หมากเกมนี้ สนช. ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด กล้าที่จะหยัดยืนฝ่ากระแสพายุ ซึ่งอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่มีการออกมาขู่ก็เป็นได้
แต่เท่าที่จับอาการ สนช. ฝ่ายท็อปบูต เห็นว่า อาจมีห่วงในแง่ของข้อกฎหมายที่เคยถกเถียงกันในวาระแรกก่อนที่จะนำเรื่องถอดถอนเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ซึ่งเป็นประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เห็นว่าถ้าเป็นความผิดจกรัฐธรรมนูญฉบับที่แล้ว ก็ไม่สามารถถอดถอนย้อนหลังได้ สนช. ฝ่ายสีเขียวยังนำมิติด้านความมั่นคงมาบวกลบคูณหาร หากว่าหากลงมติถอดถอนแล้วจะเกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีกระลอก จนบานปลาย มากกว่าจะคิดในมิติความผิดถูก ในสิ่งที่ “ยิ่งลักษณ์” ทำ สร้างความเสียหายแก่ประเทศไปมหาศาลจากโครงการรับจำนำข้าว
ถ้าจับกระแสความเคลื่อนไหวของเสื้อแดงที่ผ่านมา ข้อเป็นห่วงเรื่องความปรองดองความมั่นคง อาจไม่น่าจะต้องทำให้วิตกมากนัก เพราะหลังจากเหตุการณ์ยึดอำนาจวันที่ 22 พ.ค. 2557 คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในที่ตั้งไม่กล้าแหกกฎของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
อย่าลืมว่า “คนเสื้อแดง” ยังมีชนักติดหลังเรื่องคดีความต่างๆ รวมทั้งสัญญาลายลักษณ์อักษรที่เคยจรดปากกาเอาไว้เมื่อครั้งเข้าค่ายปรับทัศนคติ รับปากจะไม่เคลื่อนไหว เหล่านี้ก็ยังคงเป็นเงื่อนไขให้ “เสื้อแดง” ไม่กล้าเล่นแหกคอก และคงไม่กล้าเอาอนาคตตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อนายอย่างที่ผ่านมา ทำได้อย่างมากแค่คอมเมนท์ตามกระแส ขู่ฟ่อไปเท่านั้นเองเพื่อแสดงให้นายเห็นว่ายังสู้เพื่อนาย
ฉะนั้น สิ่งที่ สนช. เป็นห่วงกังวลหากมีมติออกมาจะกระทบเรื่องความปรองดอง เรื่องความมั่นคง ก็อาจเป็นการแค่เขียนเสือให้วัวกลัว
เพราะถ้าจะลงคะแนนโหวต แล้วไปคิดถึงเรื่องอื่นมากกว่า “ถูก ผิด” ความมั่นคงปรองดองก็ไม่เกิดขึ้นอยู่ดี
การลงมติจะออกหัวออกก้อย ถูกตัดสิทธิ์ 5 ปี หรือไม่ ยังอาจจะน้อยไป เพราะดาบสองต้องส่งถึงศาลอาญานั่นหนักว่าตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพราะ “ยิ่งลักษณ์” อาจต้องเข้าไปนอนในมุ้งสายบัว ถึงขั้นนั้นสิเกมจึงจะปะทุ