“ประยุทธ์” เปิดงาน ตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพ ผลักดันขยายไปต่างประเทศ ขอผู้ผลิตจำหน่าย ดูแลผู้บริโภคให้ใช้ผลผลิตดีราคาเหมาะ รับห่วงน้ำเค็มหนุนสูง เผยสินค้าเกษตรอื่นมีปัญหา ติงสื่อเขียนข่าวให้เคลียร์ ยาง 3 โลร้อย เป็นราคาน้ำยาง ยันช่วยเกษตรกรเต็มที่แม้มีภาระงบแยะ ฉุนสื่อถามงี่เง่า ปัดส่งสัญญาณถอดถอน ไล่ถามนักการเมือง แย้มเปิดตลาดน้ำ คลองเปรมประชากร ขอสื่อเป็นพยานไม่ได้หวังอยู่ยาว
วันนี้ (19 ม.ค.) บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ด้านข้างทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงาน “ตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพ” พร้อมคณะรัฐมนตรี โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ตนรู้สึกยินดีและมีความสดชื่น ที่ได้มาอยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่สวยงาม ถึงแม้จะแพ้อากาศบ้างเล็กน้อย ซึ่งประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตกล้วยไม้เขตร้อนเป็นอันดับที่ 2 ของโลก แต่ละปีสามารถส่งออกและทำรายได้เข้าสู่ประเทศกว่า 3,000 ล้านบาท จากเกษตรกรที่เกี่ยวข้อง 3,000 ราย และพื้นที่การผลิต 22,000 ไร่ จึงนับว่ากล้วยไม้เป็นดอกไม้ไทยที่สร้างมูลค่าให้แก่ประเทศจำนวนมาก เป็นสินค้าส่งออกที่ต้องมีการปรับตัวและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งมีการแข่งขันกับประเทศผู้ปลูกกล้วยไม้และดอกไม้ชนิดอื่นๆ และเพื่อรับกับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายพื้นที่ในโลก ซึ่งมีผลกระทบกับรายได้ของประเทศ รวมถึงปัญหาการแข่งขัน การขนส่ง ฉะนั้นจะทำอย่างไรให้ผู้ที่มีผลกระทบทั้งผู้ผลิต ผู้ขาย และผู้บริโภคได้รับการดูแลในสัดส่วนที่เหมาะสม เราต้องทำให้กล้วยไม้เขตร้อนไปขยายในตลาดต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ต้องสร้างการเรียนรู้กับประชาชนในประเทศว่ามีดอกไม้อะไรบ้าง สำหรับในส่วนของการค้าขาย ตนขอร้อง 3 ส่วน คือ ผู้ผลิต พ่อค้าคนกลาง ผู้ที่เกี่ยวข้องด้านการตลาด ต้องดูแลผู้บริโภคในอัตราสัดส่วนที่เหมาะสม ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคมีรายได้ที่เพียงพอ ใช้ผลผลิตที่ดีของท่าน สิ่งที่เป็นห่วงอีกเรื่องคือภาคกลางพื้นที่ต่ำ น้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ระดับน้ำเค็มเข้ามาในพื้นที่ น้ำไม่สามารถรดต้นไม้ได้ ก็ต้องไปซื้อน้ำมาใช้ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ทุกคนต้องเรียนรู้ สิ่งที่รัฐบาลพยายามชี้แจงก็ขอให้ทุกคนรับฟัง โดยรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาไปแล้ว ประมาณ 2-3 สัปดาห์ รวมทั้งจะดูแลการส่งออกให้มากขึ้น เพราะมีปัญหาในเรื่องของสารเมทิลโมมาย ซึ่งเรากำลังแก้ปัญหาอยู่ โดยการใช้สารอื่นในการแก้ปัญหาเพลี้ยไฟ ทั้งนี้ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะหลายประเทศกีดกันในเรื่องนี้รวมถึงเชื้อโรคและแมลง อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนช่วยกันหารายได้เข้าประเทศ เพราะหลายอย่างแย่ลง ในเรื่องของการหารายได้เข้าประเทศปี 58-59 ที่จำเป็นต้องเพิ่มการจัดสรรงบประมาณ เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ฉะนั้นอะไรก็ตามที่เป็นรายได้เข้าประเทศจึงอยากให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ ให้มีการบริโภค ค้าขายโดยตรงในประเทศมากขึ้น และเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากปัญหาดังกล่าวไทยยังมีปัญหาสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ที่เราต้องมีการพัฒนา เมื่อเช้าตนถามรัฐมนตรีเกษตรฯ เรื่องยางราคาต่ำ 3 กิโลกรัม 100 บาท ตนถามว่าทำไมราคานี้ เพราะได้รับรายงานว่าราคา 60 บาทอยู่ ปรากฏว่าราคาดังกล่าวเป็นน้ำยาง ดังนั้นขอให้สื่อเข้าใจ เวลาจะเขียนอะไรออกมา เพราะจะทำให้คนตื่นตระหนกและกลับมาเล่นงานรัฐบาลอีก ทั้งที่รัฐบาลดูแลทุกเรื่อง วันนี้ขอให้เข้าใจ และไปแยกแยะออกให้ตนหน่อย ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี ต้องฝากรบกวนสื่อทั้งหลายที่รักยิ่งของเราทุกคน
นายกฯ กล่าวตอนท้ายด้วยว่า การทุ่มเทแรงกายแรงใจของเกษตรกรไม่ว่าจะปลูกอะไรก็ตาม เราต้องดูแล แต่ก็ต้องเข้าใจว่าปัจจุบันรัฐบาลมีปัญหาในการใช้จ่ายงบประมาณมากพอสมควร มีหลายอย่างที่ต้องลงทุนแก้ไข ชำระหนี้ แต่เราก็พยายามอย่างเต็มที่ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่มาร่วมงานวันนี้ เราจะทุกอย่างให้ประเทศไทยมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ดูแลประชาชนได้อย่างเป็นธรรมและพึงพอใจ ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคสช.ส่งสัญญาณไปให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “ให้ไปถามหมอดูสิ” เมื่อถามว่า แต่นายกรัฐมนตรีควรจะชี้แจงให้มีความชัดเจนจะได้หายสงสัย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า “ใครสั่งล่ะใครสั่ง ก็ไม่มีไม่เห็นมีใครไปสั่ง ใครพูดก็ไปถามคนนั้น อย่ามาถามอะไรงี่เง่า” เมื่อถามย้ำว่าแต่ฝ่ายการเมืองก็ออกมาวิจารณ์ว่าคสช. มีการส่งสัญญาณไป นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ไปถามนักการเมือง ไม่มีการส่งสัญญาณอะไรทั้งนั้น ใครพูดก็ให้ไปถามคนนั้น ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการเป็นประธานเปิดงานตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพ ข้างคลองผดุงกรุงเกษม ระหว่างเดินกลับมายังตึกไทยคู่ฟ้า ภายในทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดคุยและหารือเป็นระยะกับ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งว่าให้เปิดตลาดน้ำที่คลองเปรมประชากร บริเวณด้านหน้าทำเนียบ ติดกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพาณิชพระนคร เพื่อให้ประชาชนเข้ามาชิม ชอป ใช้ อีกทั้งผู้ค้าจะได้มีที่ขายของ แต่ขอให้จัดระเบียบให้ดี จัดระเบียบใหม่ ดูถึงที่จอดรถเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา รวมทั้งกรณีที่ประชาชนผ่านเข้ามาซื้อกล้วยไม้ที่ริมคลองผดุงกรุงเกษม พล.อ.วิลาศได้รายงานว่า ขณะนี้ทางทำเนียบได้เตรียมการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยอยู่ระหว่างการหารือกับทางกรมศิลปากรถึงความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีแนวคิดที่จะขยายรั้วตลอดแนวบริเวณประตู 1 ไปประชุมคลองเปรมประชากรซึ่งจะมีการจัดที่จอดรถของทำเนียบใหม่ ระหว่างนี้กำลังดูรูปแบบให้เหมาะสมรวมทั้งการพิจารณาเรื่องของงบประมาณ
ด้านนายกฯ กล่าวว่า การปรับปรุงภูมิทัศน์ต่างๆ ต้องพิจารณาให้รอบคอบอย่าให้เกิดปัญหาหรือความเดือดร้อน ต้องดูในเรื่องของงบประมาณ “แต่พอจะสร้างอะไรขึ้นเดี๋ยวจะมีวิพากษ์วิจารณ์ผมอีกว่าอยากจะอยู่นาน พูดอะไรไปก็เป็นเรื่องไปหมด” เมื่อผู้สื่อข่าวระบุว่าถ้าทำดีและถูกต้องก็คงไม่มีใครว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อก็ต้องเป็นพยาน ถ้าทำดีแล้วจะไม่ว่ากันนะ