ผู้ตรวจการแผ่นดิน หวั่นตั้งสมัชชาคุณธรรม จริยธรรม ทำเสียเวลา เสียงบประมาณ ชี้การส่งเสริมจริยธรรมต้องเป็นหน้าที่ทุกองค์กร แนะเพิ่มยาแรงกรองนักการเมืองดีเข้าทำงาน รับที่ผ่านมา การทำงานของผู้ตรวจยังไม่เป็นไปตามคาดหวัง พร้อมปัดกวาดบ้าน เพิ่มความเข้มข้นการทำงานเพื่อให้มีศักยภาพมากขึ้น
ที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ โคฟ เกาะช้าง จ.ตราด สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้จัดเสวนาวิชาการผู้ตรวจการแผ่นดินสัญจรพบสื่อมวลชน โดยมี นางผานิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายศรีราชา วงศารยางกูร และ พล.อ.วิทวัส รชตะนันท์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าร่วมเป็นเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน : บทบาทก้าวสู่ความท้าทายในอนาคต”
นางผานิต กล่าวบรรยายตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมา การทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดินยังมีปัญหาจุดอ่อนทางกฎหมาย เพราะบางหน่วยงานยังไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของผู้ตรวจ อีกทั้งเมื่อผู้ตรวจมีการสอบจริยธรรมองค์กรใดองค์กรหนึ่ง พอผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบแล้ว และเสนอเรื่องไปก็ต้องรอให้กรรมการจริยธรรมขององค์กรนั้นได้ทำการตรวจสอบภายในก่อน และส่งผลกลับมายังผู้ตรวจ จึงทำให้มีปัญหาเรื่องระยะเวลา
ส่วนเรื่องการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่กฎหมายระบุให้ตรวจสอบได้เฉพาะเมื่อนักการเมืองเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้ว ไม่สามารถตรวจสอบการแต่งตั้งได้ แม้นักการเมืองนั้นจะมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง ในส่วนนี้เห็นว่าควรต้องมีการแก้ไข ดูตัวอย่างเรื่องการถอดถอนนักการเมือง ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีการยื่นถอดถอนเกินครึ่ง แต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเสียงในสภาไม่ถึง นั่นเป็นเพราะกฎหมาย และระบบไม่เอื้ออำนวย ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือ ทุกคนต้องมีจิตสำนึกในคุณธรรมจริยธรรม
ด้าน นายศรีราชา กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินทำงานยังไม่ได้ตามที่คาดหวัง เพราะการบริหารของเรายังไม่มีความเข้มข้นพอ ก้าวต่อไปคงต้องกวาดบ้านภายในก่อนเพื่อให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสอบจริยธรรมของนักการเมือง เรารู้ว่ายังทำงานไม่เป็นที่เข้าตาของประชาชนยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก ที่ผ่านมา ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรคการเมืองเท่าไหร่ มีแต่พรรคประชาธิปัตย์ เพียงพรรคเดียวที่ให้ความร่วมมือ
นายศรีราชา กล่าวว่า เท่าที่ทราบขณะนี้น่าจะเป็นข้อยุติของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการตั้งสมัชชาคุณธรรมจริยธรรมเพื่อมาตรวจสอบ เตรียมดึงเอาอำนาจของเราส่วนนี้ให้เป็นอำนาจของสภา จึงเกรงจะทำให้เสียเวลา เสียงบประมาณ การพิจารณาบางคำร้องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการมาอาจต้องเริ่มต้นใหม่ คลำทางไม่ถูก และอาจหายไป อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมต้องเป็นหน้าที่ของทุกองค์กร อำนาจส่วนนี้อย่าจองกฐินไว้คนเดียวควรให้เป็นกฐินสามัคคี ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาร่วมการสังฆกรรมในการปฏิรูปคุณธรรมจริยธรรมในระดับชาติไม่เช่นนั้นจะเดินหน้าต่อไม่ได้
“การปฏิรูปนั้นถ้าเผื่อไม่ปฏิรูปประชาชนทั้งหมดก็ไปไม่รอด วัฒนธรรมการเมืองไม่ได้ส่งเสริมให้คนมีประชาธิปไตย รัฐบาลควรปฏิรูป 2 สิ่งคือ คุณธรรม จริยธรรม และเรื่องการศึกษา การเป็นประชาธิปไตยต้องมาจากเบื้องลึกจิตวิญญาณของคน ตนก็นั่งอ่านการยกร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่ากรรมาธิการกำลังเอาของเก่ามาวิเคราะห์ และแก้เป็นจุดๆ เหมือนปะผุรถ แต่จริงๆ แล้วควรต้องออกแบบใหม่ตั้งแต่รากฐาน”
นายศรีราชา กล่าวว่า เราเคยคิดว่าการแก้ปัญหาการเมืองคือ การเข้ายากแล้วออกง่าย ว่า หากพบว่านักการเมืองทุจริตต้องถูกถอดถอน และต้องจ่ายค่าเลือกตั้งเพราะเป็นคนที่ทำให้การเลือกตั้งเสียหาย ตัดสิทธิเลือกตั้ง ตัดสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง ทั้งตัวนักการเมือง และครอบครัว อาจจะเป็นยาแรงแต่เชื่อว่าจะทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้คนดีมาบริหารบ้านเมือง และคิดว่าเป็นหนทางเดียวที่ทำได้
ขณะที่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า กรณีที่กำลังมีการพูดถึงเรื่องการจัดตั้งองค์กรใหม่ที่มาทำหน้าที่ตรวจสอบคุณธรรมจริยธรรม เห็นว่าบางครั้งการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดินอาจไม่รวดเร็วทันใจต่อความรู้สึกประชาชนเท่าไหร่ บางเรื่องอาจทำให้ประชาชนรู้สึกพอใจ แต่ขณะเดียวกัน เมื่อผู้ตรวจฯ เข้ามาดำเนินการในข้อขัดแย้งนั้นๆ อาจทำให้หน่วยงานราชการผู้ถูกร้องรู้สึกไม่พอใจในการทำงานของผู้ตรวจเช่นกัน เปรียบผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นทองทำงานไม่ได้โฆษณา แต่เมื่อมีเรื่องเข้ามากระทบ หรือเอาไฟมาลนอย่างไรเราก็ยังเป็นทอง ดังนั้น ข้อเสนอในการจัดตั้งองค์กรใหม่ จึงต้องทบทวนด้วยว่า ของใหม่ที่จะทำจะดีเท่ากับของเก่าหรือไม่ เพราะสิ่งที่ผู้ตรวจทำมาก็มีผลงานที่เป็นรูปร่าง และกำลังจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่หากเริ่มใหม่อาจจะไม่คุ้มกัน