เกาะกระแส
00 เริ่มจำหน่ายเป็นวันแรกสำหรับพันธบัตรรัฐบาลที่ชื่อว่า "สุขกันเถอะเรา"จำนวน 1 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นความรับผิดชอบแยกกันไปตามธนาคารต่างๆ นั่นคือ ธกส.จำนวน 5 หมื่นล้านบาทอายุ 5 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 3.8 โดยแบ่งกันไปขายตามธนาคารต่างๆ ที่เหลืออีก 5 หมื่นล้านบาทเป็นของกระทรวงการคลัง อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยเป็นขั้นบันใด แต่เฉลี่ย 10 ปีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 โดยจะเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 23 ม.ค.แน่นอนว่าพันธบัตรดังกล่าวย่อมต้องให้ดอกเบี้ยสูงกว่าฝากประจำทั่วไป แถมยังมีความเสี่ยงน้อย แม้ว่าจำนวนดอกเบี้ยของพันธบัตรคราวนี้อาจจะต่ำกว่าเมื่อเทียบกับที่ออกโดยรัฐบาลก่อนหน้า และแม้ว่าเหตุผลที่ประกาศก็คือเพื่อนำเงินไปพัฒนาปรับปรุงระบบเกษตรกรรมให้ก้าวหน้า แต่ในความเป็นจริงก็คือจะมีส่วนที่นำไปใช้หนี้โครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายเอาไว้กว่า 6 แสนล้านบาท และนี่คงเป็นเพียงเงินล็อตแรกเท่านั้นยังต้องตามมาอีกหลายรูปแบบ
00 หนี้จำนวนนี้ รมว.คลัง สมหมาย ภาษี เคยกล่าวเอาไว้ว่าหนี้สินความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องตามใช้หนี้กันชั่วลูกชั่วหลานใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 ปี ขณะที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เคยรับงานนำนโยบายนี้มาใช้จากพี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร ยังลอยหน้าลอยตายืนยันว่าเป็นนโยบายที่มีประโยชน์ ช่วยเหลือชาวนา ก็น่าจะใช่ถ้าบอกว่ามีประโยชน์แต่เป็นประโยชน์เฉพาะครอบครัวของพวกเขา ชาวนาของเขา เพราะได้ทั้งเงินและคะแนนเสียง แต่เงินที่ลงไปนั้นเป็นเงินงบประมาณ !!
00 ขณะเดียวกันก็จะได้รูักันเสียทีว่า คสช.และ สนช.จะเอาอย่างไร หลังจากที่มีการเคาะวันแถลงปิดคดีสำหรับ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนฯและ นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ในวันที่ 21 ม.ค.ส่วน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคาะวันที่ 22 ม.ค.จากนั้นวันที่ 23 ม.ค.ก็จะเป็นวันลงมติว่าจะถอดถอนได้หรือไม่ จะมีเสียงถึง 3 ใน 5 คือไม่ต่ำกว่า 132 เสียง กรณีของสองอดีตประธานนั้นหากมองเพียงแค่ทำผิดรธน.ปี 50 ก็อาจจะยกประโยชน์ให้จำเลย โดยไม่มองเรื่องจริยธรรมของนักการเมืองก็หน้าด้านกันไป แต่กรณีของ ยิ่งลักษณ์ คนสวย นี่มันต้องพ่วงอาญา และคยามเสียหายเห็นเด่นชัด จะจีบปากจีบคอยืนยันแบบในละครน้ำเน่าแบบ"นางเอกถูกรังแก"ไม่ได้เป็นอันขาด และที่สำคัญงานนี้ยังวัดกันถึงความศรัทธาของคณะบิ๊กทีมงานคสช.อีกด้วย ให้เข้าใจว่าชาวบ้านเราหวังว่าให้มาจัดการ"ล้างนักการเมืองชั่ว"ถ้าไม่ทำให้สมหวัง ก็ลองคิดเอาเองแล้วกัน
00 ดูรูปการณ์แล้วคงต้องถอยทัพกลับเป็นแน่ กับความพยายามสอดใส้เพิ่มอำนาจให้กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้งแทน กกต.ก็น่าดีใจที่ประชาชนรู้ทันและสะท้อนออกมาจากการสำรวจความคิดเห็น ว่าถ้าขืนถอยหลังกลับไปให้มหาดไทยดูแลเรื่องดังกล่าวอีก มันก็จบเห่แน่ เพราะแม้ว่า ภายใต้การดูแลของ กกต.จะมีปัญหามากมาย แต่รับรองว่านี่คือหลักการที่ถูกแล้ว เพียงแต่ต้องมาช่วยกันออกแบบกันให้รัดกุมเพื่ออุดช่องโหว่ปัญหาที่เคยเกิดขึ้น เท่านี้ก็จบ ไม่ต่างจากปัญหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ถูกระบุว่ามีเรื่องทุจริต ป่าเถื่อน ก็ต้องแก้ไขให้มีประสิทธิภาพ ควบคุมและเอาผิดคนโกงให้เด็ดขาดมีกระบวนการที่รวดเร็ว มันก็เป็นรากฐานที่ดีที่สุด และแม้ว่าบางคนใน กกต.อย่าง สมชัย ศรีสุทธิยากร อาจจะพูดมากล้ำเส้นไปหน่อย แต่นั่นไม่ใช่องค์กร อย่าฉวยโอกาสแบบมั่วๆแล้วพาลยุบทิ้ง กกต.ไปเลยทันที อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าปฏิรูป แต่มันละเละตุ้มเปะและปฏิวัติเสียของ !!
