กมธ.ปฏิรูปเศรษฐกิจ สปช.เตรียมร่อนตะแกรงรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานใดขาดทุน ไร้ประโยชน์ต่อสาธารณชนยุบทิ้ง หรือโยนให้เอกชนทำ เน้นลงทุนเครือข่ายพื้นฐานสาธารณูปโภค รองรับเออีซี
นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงภายหลังการประชุมว่า กมธ.ปฏิรูปเศรษฐกิจ พิจารณาเรื่องการปฏิรูปรัฐสาหกิจ ซึ่งเห็นว่าบทบาทเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจจากการที่รัฐเข้าไปช่วยเอกชนในการดำเนินการ เช่น เรื่องระบบขนส่ง ระบบการอุปโภคบริโภค เช่น รถไฟ รถเมล์ การให้บริการด้านสาธารณสุข เป็นต้น จากเดิมที่บางกรณีรัฐสนับสนุนบางส่วนให้เอกชน ไปดำเนินการกิจการ แต่เท่าที่ศึกษาบางโครงการในปัจจุบันการให้บริการไม่มีความจำเป็นแล้ว บางโครงการขาดทุน ไร้ประสิทธิภาพประชาชนเข้าถึงยาก ดังนั้น กมธ.ปฎิรูปเศรษฐกิจ จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรมีการปฎิรูปรัฐวิสาหกิจ โดยจะมีการพิจารณาว่าหน่วยงานใดที่มีประโยชน์กับประชาชน แต่อยู่ในภาวะขาดทุน ยังคงให้อยู่ในรูปแบบรัฐวิสาหกิจต่อไป
“หลักการใหญ่คือจะให้บริษัททั้งหลายที่สามารถผลิตการบริการ และสามารถจำหน่ายบริการในราคายุติธรรมได้ โดยคำนึงถึงการคุ้มทุนแต่ไม่ใช่มีกำไรมากเกินไป ขณะที่ผู้บริโภคบางส่วนไม่มีกำลังที่จะซื้อรัฐก็จะเข้าไปดูแล ด้วยการชดเชย อุดหนุน ผู้บริโภค เช่น การให้บริการรถไฟฟรี รถเมล์ฟรี โดยรัฐเป็นผู้จ่ายค่าชดเชยให้ ซึ่งอาจจะมีการทำออกมาในรูปแบบของ คูปอง แต่บางหน่วยงานที่ทำแล้วได้คุณภาพก็ต้องดูถึงความจำเป็นว่ารัฐยังต้องให้การสนับสนุนต่อหรือไม่ หรือควรจะยกเลิกมาให้เอกชนทำ ซึ่ง กมธ.ปฏิรูปเศรษฐกิจจะมีการพิจารณาร่อนตะแกรงดูว่าหน่วยงานใดควรคงรูปรัฐวิสาหกิจหรือยกเลิกอีกครั้ง”
นายสมชัยกล่าวต่อว่า ในส่วนของการสร้างโครงข่ายพื้นฐานและการดูแลกิจการต่างๆ ไม่ควรจะคำนึงเฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่ควรต้องคำนึงถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพราะในปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เนื่องจากเป็นประเทศที่มีทำเลเหมาะสมที่สุด ดังนั้นเราต้องจัดเตรียมพัฒนาระบบการขนส่ง คมนาคม การไฟฟ้า รวมถึงระบบสาธารณูปโภค เพื่อเป็นศูนย์กลางของเออีซี การพัฒนาระบบขนส่งทางบกโดยเฉพาะการทำถนนจะต้องมีมาตรฐาน มีกติกา มีกฎจราจรที่เป็นระบบสากล
ส่วนภาษาที่ใช้ต้องมีภาษาต่างประเทศอยู่ด้วยเพื่อให้เพื่อนบ้านเข้าใจง่ายขึ้น เรื่องงบประมาณที่จะต้องนำมาอุดหนุนในแต่ละโครงการจะต้องระบุให้ชัดเจนว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ ได้ประโยชน์กับใคร ตรงนี้ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบครอบเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหายจนเป็นภาระต่องบประมาณประเทศ