รมต.ประจำสำนักนายกฯ แจงสื่อบางแขนงอ้างคำพูดทนายความอดีตนายกฯ กล่าวหาทุบตลาดข้าว แจงตรวจยิบทั้งดีเอ็นเอ กายภาพ แบ่งเกรดข้าว สามารถนำบางส่วนออกขายเป็นรายได้แผ่นดินและเกษตรกร พร้อมกับไม่เอาเปรียบลูกค้า ยันทำโปร่งใส ไม่มีเรื่องการเมือง พร้อมวอนช่วยฟื้นฟูศักดิ์ศรีให้ข้าวไทยกลับมามีชื่อเสียงดังเดิม
วันนี้ (21 ธ.ค.) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Panadda Diskul ระบุว่า ผลการตรวจสอบคุณภาพข้าว ข้าพเจ้าจะไม่ตอบโต้กับใครทั้งสิ้น ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการประจำ ซึ่งจำเป็นต้องรักษาระเบียบวินัย และเป็นประธานอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐตามคำสั่งของรัฐบาล ข้าพเจ้าเพียงใคร่เรียนให้ทราบตามข่าวเสนอในสื่อบางแขนงวันนี้ โดยอ้างถึงคำพูดทนายความของ อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง กล่าวในทำนอง “ปนัดดา” ทุบตลาดข้าว ในขณะที่ทางการไทยกำลังทำข้อตกลงขายข้าวให้กับต่างประเทศ ทั้งยังกล่าวถึงกรณีการจำแนก หรือการแบ่งเกรดข้าวในโกดัง/ไซโลต่างๆ เป็น A, B และ C
ต้องเรียนให้ทราบว่าทุกขั้นตอนดำเนินการไปตาม Laboratory Procedures ทั้งการตรวจทางสารพันธุกรรม (DNA) การตรวจทางกายภาพ หลักการปฏิบัติแห่งความสุจริตยุติธรรม ตรงไปตรงมา กับอีกยังมีการแบ่งเกรดต่างๆ ของข้าวเกิดขึ้น ก็เพื่อที่จะให้ข้าวที่ไม่ผ่านมาตรฐาน (Non-standard Products) ของกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นภาพรวมสามารถปรับปรุงคุณภาพและนำข้าวบางส่วนออกจำหน่าย เพื่อเป็นรายได้ให้กับแผ่นดินและพี่น้องเกษตรกร เรียกว่าเป็นการขายผลผลิตทางการเกษตรโดยยึดผลประโยชน์สูงสุดและคุณภาพ ตลอดจน “ระบบเกียรติศักดิ์” (Honour System) ทางการค้า ไม่คิดไปเอารัดเอาเปรียบลูกค้าแม้แต่รายเดียว หรือจำหน่ายสินค้าด้อยคุณภาพให้กับลูกค้าที่จะทำให้ลูกค้าเข็ดขยาดและไม่กลับมาคบกับเราอีก การทำงานร่วมกันเป็นทีม และประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและนักวิชาการจากหลายหน่วยก็เพื่อหวังผลการศึกษาวิจัยที่เป็นเลิศ และเพื่อให้ตลาดการพาณิชย์ของไทยได้รับประโยชน์สูงสุด มิเช่นนั้น “ข้าวเกรดที่ไม่ผ่านมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์” จะกลายเป็นความสูญเปล่าและเสียประโยชน์ครั้งใหญ่หลวงมากมายไปกว่าปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่
ทีมงานทุกคนซึ่งประกอบด้วยบุคลากรจากหลายหน่วยงานทำงานยึดมั่นหลักความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างใครแต่ประการใด ตลาดการค้าต่างประเทศในทางกลับกันต่างหากที่กล่าวชมเชยถึงความจริงใจ ความตรงไปตรงมา ไม่หลอกลวงผู้ค้าขายร่วมกับหน่วยงานไทย ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยมาช้านาน นั่นคือความจริงใจ เราทุกคนต้องช่วยกันฟื้นฟูศักดิ์ศรีและค่านิยมไทยแห่งความซื่อสัตย์สุจริตนี้เพื่อชื่อเสียงและเกียรติคุณของข้าวไทยให้กลับมามีชื่อเสียงไปทั่วโลกดั่งเดิมอีกครั้งหนึ่งให้จงได้