สารพัดปัญหา สัญญาณอันตราย

สะเก็ดไฟ

ของขวัญปีใหม่ของคนไทยมาแล้ว รัฐบาลประกาศปรับราคาค่ารถแท็กซี่ขึ้นตามกิโลเมตร แม้ไม่ปรับราคาเริ่มต้นจาก 35 บาท แต่ให้กิโลเมตร 1-10 กม. ราคาตกกิโลเมตรละ 5.50 บาท จากนั้นปรับขึ้นตามลำดับ ส่วนกรณีรถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้เกินกว่า 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตรานาทีละ 2 บาท ประเทศไทยแค่จอดไฟแดงเงินก็หายไปหลายสิบบาทแล้ว ไม่รวมค่าข้าวยังจ่อปรับราคาขึ้นอีก คนไทยเตรียมหน้ามืดควักกระเป๋าจ่ายกันกระจายเลยงานนี้ ใกล้ปีใหม่ยิ่งตกอยู่ในอาการสำลักความสุขที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบให้ หรือจะเป็นสัญญาณรัดเข็มขัดกันให้แน่นๆ ในปี 2558 ที่จะมาถึงนี้

เพราะสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศก็ฝืดเคือง หุ้นร่วงลงตลอดสัปดาห์แดงพรืดทั้งกระดาน ต่ำกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค แม้ว่าอาจจะรับผลกระทบจากข่าวลือต่างๆ รวมทั้งอิทธิพลจากราคาน้ำมันโลกร่วงหนักผิดปกติก็ตามที แต่อารมณ์ในตลาดหุ้นก็สะท้อนอารมณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศได้ดีทีเดียว

ส่วนชาวไร่ชาวนาก็คางเหลืองกันถ้วนหน้า แม้จะได้รับงานอุดหนุนจากรัฐไร่ละ 1000บาท แต่ไม่พอยาไส้แค่ค่าปุ๋ยยังไม่พอ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำซ้ำเติม โดยเฉพาะชาวสวนยางที่เริ่มจะอดรนทนไม่ไหว เตรียมจะยกพลเข้าเมืองหลวงเจรจากับรัฐบาลให้รู้เรื่อง ขอให้พยุงราคายางที่กิโลกรัม 60-80 บาท รัฐบาลจะให้ได้ตามที่เรียกร้องได้หรือไม่ ถ้าไม่ดีขึ้นก็คงจะได้ชาวสวนยางแหกกฎอัยการศึกเพราะปากท้องกันก็คราวนี้

อีกฟากหนึ่งที่สมาชิกกองทุนหมู่บ้านบ่อนนท์ อำเภอศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งยกระดับฐานะเป็นสถาบันการเงินชุมชนบ้านบ่อนนท์ มีการร้องเรียนกรรมการกองทุนหมู่บ้านทุจริตนำเงินจากสถาบันการเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายของใช้ส่วนตัว แต่ที่น่าตกใจคือกรรมการกองทุนหมู่บ้านที่ทุจริตเหล่านั้นคนตัดสินใจผูกคอตายถึง 55 ราย เพื่อหนีภาระหนี้

ปัญหาเหล่านี้อาจไม่ได้สะท้อนผ่านกระดานหุ้นว่าร่วงลงกี่จุด แต่สะท้อนออกมาเป็นชีวิตของประชากร ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการทุจริตแต่ปัญหารากเหง้าจริงๆ คงหนีไม่พ้นจากความฝืดเคือง ขาดสภาพคล่อง จนนำมาซึ่งการทุจริต และจบชีวิตของตัวเองหนีหนี้และแสดงความรับผิดชอบ

จึงเป็นโจทย์สำคัญเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ท้าทายฝีมือรัฐนาวาทหารจะนำพาประเทศหนีจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างไร แต่จะเห็นได้ว่าอำนาจการบริหารประเทศอยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กว่า 6 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏ ผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน นอกเสียจากการตั้งแม่น้ำทั้ง 5 สาย เพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศ แก้ปัญหาวิกฤตการเมือง แต่การแก้ปัญหาข้าวยากหมากแพง สินค้าเกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจฝืดเคือง ยังไม่มีอะไรปรากฏออกมาให้ได้อุ่นใจกับอนาคตข้างหน้า

วันนี้หมดเวลาฮันนีมูนของรัฐบาล เพราะชาวนาชาวสวนก็เริ่มจะหมดความอดทนกับสภาพที่เป็นอยู่ไม่ได้แล้ว ราคายางดิ่งจนติดพื้น ราคาข้าวก็ไม่ขยับ

ดังนั้น คลื่นแห่งความกดดันของชาวบ้าน ชาวสวน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่น่าเป็นห่วง และอาจจะมีแรงกระเพื่อมชนิดที่คาดไม่ถึงเลยก็ว่าได้ เพราะแค่กฎอัยการศึกก็เกรงว่าจะเอาไม่อยู่ ถ้าปัญหาที่สะสมยังคงพอกพูนขึ้น

ผนวกกับการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แบบตัดตอนถอนโคน ทั้งการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง พรรคการเมืองต่างเงี่ยหูฟัง และส่งเสียงสะท้อนในทำนองไม่พออกพอใจ หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะออกมาหน้าตาแปลกพิสดารกว่าที่ผ่านมา

จึงต้องระวังแรงชาวนา ชาวสวน บวกภาคการเมือง จุดฉนวนล้มโต๊ะรัฐบาลทหาร นี่เพียงอาจเป็นแค่ปัจจัยหน้าฉากที่สะท้อนถึงความไม่พอใจที่หมักหมมอยู่ เป็นระเบิดเวลาที่พร้อมปะทุทุกเมื่อ เพราะการบริหารบ้านเมืองไม่ใช่แค่แก้ปัญหาการเมือง แต่มันรวมถึงเศรษฐกิจโดยรวมปากท้องชาวบ้านกินอิ่มนอนหลับขายสินค้าเกษตรได้ราคา คงถึงเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์และชาวคณะต้องโชว์ฟอร์มในบทบาท “ผู้นำ”เพื่อเรียกความเชื่อมั่นต่อประชาชน

ไม่ใช่ฟึดฟัดอารมณ์เสียไปวันๆ กับการถูกตำหนิในการบริหารประเทศ