ครม. เวนคืน 6 พื้นที่ทำระบบชลประทานและสร้างถนน อนุมัติข้อเสนอคมนาคม ทำข้อบ่งชี้รถที่จดทะเบียนในจังหวัดชายแดนใต้ หวังลดเหตุร้าย ให้บริษัทขนส่งสินค้าทำรายละเอียดลูกค้าและสินค้าเก็บไว้ 180 วัน หวังช่วยขยายผลจับยาเสพติด โยกย้ายทูตหลายประเทศ ดึง “นรชิต” มาเป็นปลัดกระทรวง ส่วน “สีหศักดิ์” ปลัดคนเก่าไปอยู่โตเกียว “ทูตวีรชัย” โยกไปประจำยูเอ็น “น้องกิตติรัตน์” ประจำลอนดอน พร้อมสลับเก้าอี้ทูตมะกัน - แคนาดา
วันนี้ (9 ธ.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะมีการเวนคืนจำนวน 6 พื้นที่ ได้แก่ 1. พื้นที่ ต.จันทร์ทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อใช้ในการชลประทาน กระจายน้ำไปยังพื้นที่เพาะปลูกในโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยตะโป 2. พื้นที่ ต.โนนสะอาด เพื่อประโยชน์ใช้ในการชลประทาน และป้องกันอุทกภัย 3. พื้นที่ที่จะสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 214 สายต่อเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ บริเวณทางเลี่ยงเมืองสุรินทร์ด้านเหนือ 4. พื้นที่ ต.ดงดินแดง อ.หนองม่วง และ ต.โคกเจริญ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี เพื่อประโยชน์ในชลประทาน ก่อสร้างระบบส่งน้ำ และอาคารในโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ 5. พื้นที่ ต.หนองแสง ต.อ่างสามารถ ต.หนองหญ้า อ.เมืองฯ จ.นครพนม เพื่อจัดทำทางหลวงชนบทสายเชื่อมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 และ 6. พื้นที่ ต.นาด้วง อ.นาด้วง จ.เลย เพื่อทำโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิ้นควาย
รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเวนคืนพื้นที่เหล่านี้นั้นแสดงให้เห็นว่าทางรัฐบาลมีความต้องการจะผลักดันโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรได้รับการดูแลทั้งในด้านระบบชลประทาน และระบบคมนาคมอย่างทั่วถึง
ขณะเดียวกัน ทาง ครม. ได้อนุมัติข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมที่เสนอให้พิจารณากฎกระทรวงที่เกี่ยวกับการกำหนดเครื่องหมายและวิธีการแสดงเครื่องหมายบ่งชี้ข้อมูลสำหรับรถที่จดทะเบียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการป้องกันและแก้ปัญหาการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ โดยรถที่อยู่ในข้อกำหนดของกฎกระทรวงดังกล่าวนี้ คือ รถที่จดทะเบียนใน จ.สงขลา, จ.สตูล, จ.ยะลา, จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานี โดยกฎกระทรวงฉบับนี้จะมีการบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.รถยนต์ ปี 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.รถยนต์ ฉบับที่ 10 ปี 2542 สำหรับข้อกำหนดนั้นจะกำหนดให้รถยนต์มีเครื่องหมายบ่งชี้ว่าเวลาผ่านเครื่องมือตรวจของเจ้าหน้าที่แล้ว เจ้าหน้าที่จะสามารถตรวจสอบจากเครื่องหมายได้ว่าเป็นรถที่จดทะเบียนที่ไหน จดอย่างไร
รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การนำกฎกระทรวงดังกล่าวนี้ออกมาบังคับใช้ อย่างน้อยก็สามารถทำให้ควบคุมรถที่ผ่านในพื้นที่นั้นได้ โดยจะรู้ว่าเป็นรถที่จดทะเบียนใน 4 จังหวัดหรือไม่, เป็นรถที่ถูกขโมยมาหรือไม่ หรือเคยไปทำภารกิจอะไรมาก่อน ซึ่งนี่ก็ถือเป็นมาตรการที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ป้องกันเหตุร้ายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พล.ต.สรรเสริญ แถลงต่อถึงกรณีที่ทางกระทรวงยุติธรรมได้เสนอให้ทาง ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี 2 ฉบับ ฉบับแรกเกี่ยวกับเรื่องของการกำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้ข้อบังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ อีกฉบับหนึ่งเป็นร่างประกาศสำนักนายกฯ ที่เกี่ยวกับเรื่องมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ ซึ่งที่ผ่านมานั้นได้ตรวจพบว่า มีการลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดน โดยแนวทางหนึ่งที่ผู้ลักลอบใช้คือซุกซ่อนยาเสพติดมาในบรรจุภัณฑ์ สินค้า ผ่านระบบขนส่งต่างๆ
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบดูก็พบว่าบริษัทขนส่งรายใหญ่หลายรายไม่ได้ทำรายละเอียด อาทิ รายชื่อ, ทะเบียน รายละเอียดจัดส่งพัสดุ หรือหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดส่งเอาไว้ เมื่อมีการจับกุมยาเสพติดจึงไม่สามารถสืบขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งยาเสพติดได้ ดังนั้น จึงได้มีการออกร่างประกาศทั้ง 2 นี้ขึ้นมา โดยต่อจากนี้ทางบริษัทขนส่งจะต้องมีการจัดทำรายละเอียด ชื่อ, บัตรประจำตัวประชาชน, หนังสือเดินทางของผู้ที่จัดส่งผู้ฝากเท่าที่เป็นประโยชน์ และต้องเก็บรายละเอียดดังกล่าวนี้ไว้อย่างน้อย 180 วัน นับตั้งแต่วันที่จัดทำบันทึก
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ยังได้เห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 13 ราย โดยเป็นการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศจำนวน 10 ราย ดังนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตสถาน ณ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เป็นเอกอัครราชทูต ณ รัฐคูเวต นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูตประเทศญี่ปุ่น เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เป็นเอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
นายอิทธิพร บุญประคอง เอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลี รัฐลิเบีย เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ นายไกรรวี ศิริกุล รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลี รัฐลิเบีย นายณรงค์ ศศิธร รองปลัดกระทรวง เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก นายวิทวัส ศรีวิหค เอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก เป็นรองปลัดกระทรวง นายศุภร พลมณี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต ราชอาณาจักรโมร็อกโก นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา แคนาดา เป็น เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา และ นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา แคนาดา