ปธ.ป.ป.ช.เผยคดี “บุญทรง” เข้าที่ประชุมเดือนนี้แน่ บอกลดวาระนั่งเก้าอี้หรือไม่ก็แล้วแต่ กมธ.

ประธาน ป.ป.ช.เผย “วิชา” เตรียมสรุปเรื่องจีทูจีข้าวสมัย “บุญทรง” เข้าที่ประชุมใหญ่เดือนนี้ รอดูชี้มูลทันทีหรือไม่ รับยังไม่ได้นัดอัยการสูงสุดประชุมคดีอาญา “ยิ่งลักษณ์” รับจำนำข้าว คาดคงหารือร่วมในเวทีประชุมประจำปี อังคารหน้า โยน กมธ.ยกร่างฯ สรุป ลดวาระองค์กรอิสระเหลือ 5 ปีหรือไม่ ชี้แง่ดีอาจทำให้ได้อยู่ต่ออีกสมัย

วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 10.50 น. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการไต่สวนกรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่า คดีดังกล่าวทางอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงที่มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานได้เตรียมสรุปเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ภายในเดือนธันวาคมนี้ เข้าใจว่าอนุกรรมการไต่สวนได้ดำเนินการสอบพยานทั้งหมดที่มีอยู่จำนวนมากเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงการรวบรวมสำนวนเพื่อเตรียมรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้วทางกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องพิจารณาดูว่าจะสามารถชี้มูลความผิดได้ทันทีหรือไม่ หรือจะต้องให้เพิ่มเติมในประเด็นใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้มีการบรรจุวาระการประชุมว่าอนุกรรมการไต่สวนชุดดังกล่าวจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่เมื่อไหร่ โดยในรายละเอียดต้องถามนายวิชา

นายปานเทพกล่าวถึงความคืบหน้าการหารือของคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.และอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญาโครงการของรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ทางคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช.ยังไม่ได้นัดหมายการประชุมของคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.และ อสส.ในครั้งต่อไป แต่ตนคาดว่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นหนึ่งในการพูดคุยและหารือร่วมกันในที่ประชุมระดับผู้บริหารของ ป.ป.ช.และ อสส.ที่มีจะขึ้นในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการหารือประจำปี จะเป็นการพูดคุยกันถึงเรื่องการทำงานในภาพรวมว่ามีคดีที่ค้างอยู่ในคณะทำงานร่วมเท่าไหร่ รวมถึงการวางแนวทางการทำงานร่วมกัน ขณะที่ ป.ป.ช.จะเสนอให้พูดคุยกันถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำงานที่มีร่วมกันในหลายๆ เรื่อง เช่น การนัดประชุมที่ต่างฝ่ายอาจจะไม่พร้อม หาเวลาไม่ค่อยตรงกัน มีการเปลี่ยนแปลงบุคลากรภายในของ อสส.และ ป.ป.ช.เอง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ทุกอย่างล่าช้า อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ป.ป.ช.จะเป็นผู้ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเองหรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับข้อตกลงของคณะทำงานร่วมฯว่าจะมีข้อตกลงร่วมกันออกมาอย่างไรก่อน

นอกจากนี้ นายปานเทพให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอลดวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการในองค์กรอิสระจาก 9 ปี เหลือ 5 ปีว่า จากเดิมที่ให้มีวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปีนั้นเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน แต่หากจะมีการตัดลดลงเหลือ 4-5 ปี อาจจะมีแง่ดีในกรณีที่ว่าเมื่อหมดวาระแล้วอาจได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งอีกวาระหนึ่งหากคนเดิมทำหน้าที่ได้ดี แต่หากไม่เหมาะสมก็จะไม่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอีก แต่ไม่ว่าข้อสรุปของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะออกมาให้ดำรงตำแหน่งกี่ปีก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น