การแก้ไขสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นนโยบายที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความสำคัญมากที่สุดนโยบายหนึ่ง
ลึกๆในหัวใจของ “บิ๊กตู่” ต้องการที่จะแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายไปในทางบวกให้ได้มากที่สุด หรืออย่างน้อยต้องการวางกรอบงาน -วางคน-วางแผนการดำเนินการงาน ให้การทำงานในพื้นที่เดินไปถูกทิศถูกทางตามที่มุ่งหมายไว้
งานระดับพื้นที่ “บิ๊กตู่” มอบนโยบายในทางเปิดให้ “พล.ท.ปราการ ชลยุทธ” แม่ทัพภาคที่ 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้เดินหน้าทำความเข้าใจกับประชาชนทุกพื้นที่ เน้นดึงประชาชนให้เข้าร่วมกับฝั่ง “รัฐ” ให้ได้มากที่สุด แคมเปญที่ออกมาเช่น “มัสยิดกัมปงตักวา” คือสิ่งที่รัฐบาลต้องการเสริมสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน
นอกจากนี้ “บิ๊กตู่” และ “พี่ป้อม - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังสั่งให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เก็บภาพรวมของโครงการต่างๆที่กระทรวง ทบวง กรม เข้าไปจัดทำในพื้นที่ว่าตรงกันความต้องการของประชาชนจริงหรือไม่
ซึ่งผลการสอบถามประชาชนในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รายงานตรงมายัง “บิ๊กป้อม” ว่า โครงการของหลายกระทรวงไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ทำให้ “บิ๊กป้อม” ถึงกับควันออกหู ด่ายับในที่ประชุม ครม. พร้อมกำชับให้ทุกกระทรวงนำผลการศึกษาของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จำนวน 8 เล่ม ไปทำความเข้าใจก่อนที่จะลงไปจัดทำโครงการ
ทว่าในทางลับแล้ว “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ยังสั่งให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สำรวความต้องการของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการ “แบ่งแยกดินแดน” โดยสอบถามอย่างละเอียดถี่ยิบ ถึงความต้องการที่แท้จริง แล้วให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จัดทำเป็นรูปเล่มเอาไว้
ว่ากันว่า “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ต้องการเก็บความเห็นประชาชนเกี่ยวกับการ “แบ่งแยกดินแดน” ไว้เป็นหมากเด็ดตอบโต้ “กลุ่มผู้เห็นต่าง” ที่จะขึ้นเวทีพูดคุยสันติสุข โดยมีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก
เพราะบทเรียนจากการพูดคุยสันติภาพในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ “กลุ่มผู้เห็นต่าง” มักจะอ้างความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ด้วยการนำข้อเสนอ “แบ่งแยกดินแดน” มากล่าวอ้าง โดยการจัดทำเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทิวบ์
“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ต้องการอุดรอยรั่วดังกล่าว เพราะหากมีการเล่นเกมใต้ดินเกิดขึ้นอีก แล้วทาง “รัฐไทย” ไม่มีข้อมูลที่สามารถนำมาอ้างอิงได้ ออกมาตอบโต้แบบทันควัน จะทำให้ “รัฐไทย” เสียแต้มต่อประชาคมโลก โดยเฉพาะ “โลกมุสลิม” ที่ต่างจับตามองสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิด
ชั่วโมงนี้เหมือน “รัฐบาลบิ๊กตู่” เตรียมพร้อมการพูดคุยสันติสุขอย่างมาก เพราะหวังใช้เป็นกลไกหนึ่งที่สามารถสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ด้ามขวานไทยให้ได้
แต่ทว่าฝากฝั่ง “มาเลเซีย” กลับออกอาการไม่เอาด้วย โดยมีข้ออ้างตีกลับมายัง “รัฐบาลบิ๊กตู่” ต่างๆนาๆ ยกแรกอ้างว่าไม่ต้องการให้ “พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์” อดีตหัวหน้าศูนย์ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านกองทัพบก ให้มาเป็นหัวขบวนคณะพูดคุยสันติสุข ทำให้ “บิ๊กทหาร” ต้องยอมถอย
ยกสอง “มาเลเซีย” มาออกข่าวอีกครั้งว่าไม่ต้องการ “ทหาร” เข้ามาเป็น “หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข” ภายหลังที่ “รัฐบาล” ยืนยันชัดเจนว่าต้องการให้ “พล.อ.อักษรา เกิดผล” ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก เป็นหัวหน้าคณะ
นอกจากนี้ยังมีข่าวลับๆว่า หาก “มาเลเซีย” ไม่ต้องการ “ทหาร” ทำให้ “บิ๊กตู่” เริ่มลังเลอาจจะชงชื่อของ “ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ขณะนี้ช่วยงาน “พล.อ.ประวิตร” ที่กระทรวงกลาโหม ให้ทางการ “มาเลเซีย” ไปพิจารณาด้วย
ท่าทีของ “มาเลเซีย” ดูเหมือนต้องการยื้อเวลาออกไปให้ได้นานมากที่สุด เพราะอาจจากทิศทางการเมืองของประเทศไทยแล้ว ทาง “มาเลเซีย” รู้ดีว่า “รัฐบาลบิ๊กตู่” อยู่ไม่นานอย่างดีเก่าสุดก็เหลือเวลาอีกแค่ 1-2 ปี
แต่ที่สำคัญสุดคือ “มาเลเซีย” เหมือนไม่ต้องการคุยกับ “ทหาร” เพราะรู้เกมของทาง “มาเลเซีย” เป็นอย่างดี เพราะหากตอบรับและมีการลงนามเป็นพันธสัญญาว่าจะจัดให้มีการพูดคุยสันติสุขจะถือว่ามีผลผูกพันทันที
ซึ่งส่วนนี้ต้องเดาใจทั้งทาง “มาเลเซีย” และ “รัฐบาลไทย” ว่าจะเดินหน้าต่อกันอย่างไร โดยท่าทีของทั้งสองประเทศจะมีความชัดเจนหลังจากที่ “พล.อ.ประยุทธ์” เดินทางไปพบปะพูดคุยกับ “นาจิบ ราซัค” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้
รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ระบุว่า หาก “มาเลเซีย” ตอบรับการพูดคุยสันติสุข “พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมที่จะนำโครงสร้างการพูดคุยสันติสุขของรัฐบาล ซึ่งประกอบด้วย 3 ระดับ ให้มาเลเซียพิจารณาทันที โดยในโครงสร้างดังกล่าวมีการระบุตัวหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขไปด้วย
กระนั้น “หน่วยงานความมั่นคง” อ่านเกม “มาเลเซีย” ว่าคงไม่นำ “ผู้เห็นต่าง” ระดับหัวหน้าขบวนการขึ้นโต๊ะพูดคุยสันติสุขแน่นอน เพราะหากเอามาเปิดหน้าให้เห็นกัน “มาเลเซีย” จะเสียแต้มต่อให้ “ไทย” ทันที แม้ “หน่วยงานความมั่นคง” จะมีข้อมูล “หัวหน้าขบวนการกลุ่มผู้เห็นต่าง” แต่ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่ “มาเลเซีย” เก็บงำเอาไว้
จากนี้วัดใจว่า “มาเลเซีย” จะจริงใจหรือไก่กา เล่นบทสลับขาหลอกอย่างไรอีก เพราะระยะหลังเริ่มมีข่าวหนาหูออกมาว่า “มาเลเซีย” อยากรอให้ “ไทย” มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นมาก่อน แล้วค่อยพูดคุยสันติสุขกับ “รัฐบาลไทย” ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
หลังจากกลับจาก “มาเลเซีย” รอถาม “บิ๊กตู่” เลยว่า “มาเลเซีย” ต้องการเดินหน้าพูดคุยสันติสุขหรือไม่ เพราะนี่คือเรื่องหลักที่จะต้องพูดคุยกันให้จบในการพบเจอกันรอบนี้ เรื่องอื่นคือเรื่องรองทั้งหมด
หาก “มาเลเซีย” ไม่โอเคเยส รอติดตามดูปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ให้ดี อาจจะมีการใช้กำลังทหารเข้าปราบปราม “กลุ่มก่อความไม่สงบ” มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
เพราะในช่วงที่ผ่านมา “รัฐบาลบิ๊กตู่” ใช้กำลัง “ทหาร” มากมายเข้าปราบปราม “กลุ่มก่อความไม่สงบ” หากหมากเด็ดการพูดคุยสันติสุขไม่เดินหน้า มีหวังคงต้องใช้กำลังห่ำหั่นกันอีกหลายยก
สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ รอลุ้นกันหลายเด้งหลายขั้นตอน ตามหมากที่ทั้งสองฝ่ายวางเกมหลัก-เกมรอง เอาไว้
จับตาต้นปีมีหวังสถานการณ์ระอุอีกหรือไม่