“ธีระชัย” ไม่ร่วมไกล่เกลี่ย ปตท.คดีหมิ่นประมาททางเฟซบุ๊ก ศาลนัดใหม่ 10 ก.พ.ปีหน้า ลั่น “ปิยสวัสดิ์” ต้องมาเองพราะเป็นแม่ทัพยื่นฟ้อง แถมเป็นคนเข้าไปอ่านเฟซบุ๊กด้วยตัวเอง
วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 08.57 น. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubalaถึงความคืบหน้ากรณีที่ ปตท. และนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ ประธานบอร์ด ปตท.ยื่นฟ้องว่า “เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ทีมทนายความของผมพบกับทนายของ ปตท.ในกระบวนการไกล่เกลี่ย คดีที่ ปตท.ฟ้องผม กล่าวหากรณี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ผมเองมิได้ร่วมการไกล่เกลี่ยดังกล่าว เพราะเดินทางต่างประเทศ ทนายของฝ่าย ปตท.จะทำหนังสือมาถึงผม เกี่ยวกับข้อความในเฟซบุ๊ก เพื่อให้ผมพิจารณา โดยฝ่ายของผมมิได้ตกลงใดๆ เว้นแต่ให้มีการนัดไกล่เกลี่ยครั้งที่สอง
นัดไกล่เกลี่ยครั้งต่อไปวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 โดยศาลกำหนดให้มีกรรมการ ปตท.อย่างน้อยหนึ่งคน ทนายของผมแจ้งขอให้นายปิยสวัสดิ์ เป็นผู้แทน ปตท.มาศาลครั้งต่อไป เพราะเป็นแม่ทัพในการสั่งฟ้องผม และยังมีหลักฐานว่าเป็นผู้ที่เข้ามาอ่านเฟซบุ๊กของผมเองด้วย”
ก่อนหน้านี้นายธีระชัยได้เปิดเผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใสของ ปตท.หลายเรื่อง เช่น การเปิดโปงพร้อมเอกสารจาก สตง.ที่ท้วงติงว่า ปตท.คืนท่อก๊าซให้กับรัฐไม่ครบ และ ปตท.ทำหนังสือแจ้งข้อมูลเท็จต่อศาลฯ เกี่ยวกับการคืนท่อก๊าซตามคำสั่งศาลปกครอง นอกจากนั้นยังเปิดโปงนายปิยสวัสดิ์เมื่อครั้งที่ยังเป็น รมว.พลังงานในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้เสนอแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม เมื่อปี 50 โดยถูกตั้งคำถามว่ามีเจตนาต้องการช่วยเหลือบริษัท เพิร์ลออยล์ ที่เป็นบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งให้พ้นผิดหรือไม่ และยังตั้งคำถามว่า บริษัท เพิร์ลออยล์ เกี่ยวโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีอยู่หรือไม่ เพราะสำนักงานตั้งอยู่ที่ตึกชินวัตร 3 และยังเป็นบริษัทลูกของบริษัทมูบาดาลา ปิโตรเลียม ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มี คัลคูน คาลิฟา อัน มูบารัค เป็นซีอีโอ และเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี ที่ซื้อกิจการต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณอีกด้วย
ต่อมานายธีระชัยได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้องขอความเป็นธรรมให้ตัวเองและประชาชนคนไทยทุกคน กรณีได้ทำหน้าที่ท้วงติงผลประโยชน์สำคัญ ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านั้นเขาได้แสดงความเห็นคัดค้านการต่ออายุสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณ ที่ดำเนินการโดยบริษัทเชฟรอนซึ่งจะหมดอายุในปี 2565 และแหล่ง “บงกช” ดำเนินการโดย ปตท.สผ.จะหมดอายุในปี 2566 ออกไปอีก โดยระบุว่าหากข้าราชการคนใดสนับสนุนเรื่องดังกล่าวแล้ว นอกจากโง่มากแล้วยังน่าสงสัยว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชน