นายกฯ ลงนามบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ และ 1 สัญญา ย้ำเจตนารมณ์ร่วมมือกับ สปป.ลาว อย่างใกล้ชิดในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการส่งเสริมความเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม หวังช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
วันที่ 26 พ.ย. เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมคารวะ พล.ท.จูมมาลี ไซยะสอน ประธานประเทศแห่ง สปป.ลาว ในโอกาสเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ณ ทำเนียบประธานประเทศลาว (หอคำ) หลังเสร็จสิ้นการหารือ ร.อ.นพ.มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงสรุปสารสำคัญ ดังนี้
ประธานประเทศแห่ง สปป.ลาว กล่าวต้อนรับพร้อมถามถึงพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความยินดีที่ทราบว่าทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และขอถวายพระพรมา ณ โอกาสนี้ พร้อมกล่าวยินดีในโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ สองประเทศถือว่าเป็นบ้านใกล้เรือนเคียง ที่มีสายสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างกันมายาวนาน มีความผูกพันแน่นแฟ้นมีการไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด ขอชมเชยความร่วมมือตามแนวชายแดนไทย-ลาว ที่เป็นไปอย่างราบรื่น
ประธานประเทศแห่ง สปป.ลาว ยินดีที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ ได้มีการหารือถึงความก้าวหน้าในความร่วมมือ และการลงทุนระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ เชื่อว่าการพัฒนาเส้นทางรถไฟที่จะเชื่อมต่อกันระหว่างไทยและลาวนั้น จะปูทางไปสู่การพัฒนาของทั้งสองประเทศร่วมกัน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความประทับใจต่อประธานประเทศแห่ง สปป.ลาว ถือเป็นแบบอย่างของผู้นำประเทศที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการส่งเสริมความมั่นคงและการพัฒนา เห็นได้จาก สปป.ลาวเป็นประเทศที่มีความสงบร่มเย็น และมีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง การหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว นั้น ก็ประสบความสำเร็จ โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ และ 1 สัญญา
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทย ที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และร่วมมือกับ สปป.ลาว อย่างใกล้ชิดในทุกๆ ด้าน บนพื้นฐานของสังคมวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ไทยให้ความสำคัญแก่ความร่วมมือโดยเฉพาะการส่งเสริมความเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย และ สปป.ลาว ซึ่งจะอำนวยความสะดวกต่อการไปมาหาสู่ระดับประชาชนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมสายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชน และหวังว่าไทยและลาวจะมีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้น
นายกรัฐมนตรียังเห็นว่า เส้นเขตแดนเป็น “เส้นแห่งความร่วมมือ” ไทย และ สปป.ลาว สามารถช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของกันและกัน โดยต่างเป็นจุดเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมที่สำคัญของภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดน นอกจากนี้ ไทยยังยินดีที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์การแปรรูปรัฐวิสาหกิจอีกด้วย