xs
xsm
sm
md
lg

“อุดมเดช” บินถก ผบ.ทบ.อาเซียน ถามพวกต้านอยากให้เรื่องวุ่นกลับมาอีกหรือ รอผู้ใหญ่ไฟเขียวเปิดเวที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ)
รมช.กลาโหม บินถก ผบ.ทบ.อาเซียน ที่เวียดนาม หวังกระชับความร่วมมือ ยันไทยยังไม่มีข้อมูลหัวรุนแรงไอเอสเข้า ยังเชื่อโพลชาวบ้านหนุนรัฐ ยันใช้แผนเชิญปรับทัศนคติพวกต้าน ถามอยากให้เรื่องยุ่งยากกลับมาอีกหรือ วอนคนเข้าใจช่วยกันปราม รอผู้ใหญ่อนุมัติเปิดเวทีให้แสดงความเห็น ลั่นไม่อยากใช้มาตรการที่สูงขึ้น

วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 07.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบก ได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุม ผบ.ทบ.กลุ่มประเทศอาเซียน ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 25-29 พ.ย. ที่กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งเป็นการประชุมที่จัดขึ้นเพื่อให้ ผบ.ทบ.มิตรประเทศ ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน เวียดนาม กัมพูชา ลาว และพม่าได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

โดย พล.อ.อุดมเดช ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า สำหรับการเดินทางวันนี้เป็นภารกิจหลักของ ผบ.ทบ.ในรอบปีคือการประชุม ผบ.ทบ.ในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจะได้มีโอกาสพบปะกับ ผบ.ทบ.ของประเทศในกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ โดยจะได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ของผบ.ทบ.แต่ละประเทศ อีกทั้งยังได้มีการพบปะแบบทวิภาคีระหว่างประเทศในหลายประเทศ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีและยกระดับเรื่องความร่วมมือในการแก้ปัญหา สามารถทำให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ของอาเซียน และการประชุมครั้งนี้จะเน้นการให้ความร่วมมือระหว่างกองทัพบกของประเทศต่างๆให้มากยิ่งขั้น ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย รวมถึงเรื่องการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการแลกเปลี่ยนข่าวสารและความร่วมมือร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หากเกิดภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งทุกประเทศต้องสามารถสนับสนุนกันและกันได้หากเกิดการร้องขอจากประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียน

“การเดินทางไปครั้งนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้น จะสามารถกระชับความร่วมมือและความสัมพันธ์ต่างๆ ที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ส่วนความเป็นห่วงเรื่องการแพร่ขยายขบวนการกลุ่มก่อการร้ายไอซิสหรือไอเอสที่ลุกลามในประเทศเพื่อนบ้านนั้น ทางเราได้ก็มีการติดตามข่าวมาตลอด ทราบว่ามีกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของเราเหมือนกันที่มีความเคลื่อนไหว แต่ในส่วนของไทยยังไม่มีข้อมูลที่มีความเกี่ยวกันใดๆ แต่ทั้งนี้จะต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง” พล.อ.อุดมเดชกล่าว

พล.อ.อุดมเดชยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คสช.ว่า เท่าที่ติดตามข่าวสารยังมีการเคลื่อนไหวเหล่านี้อยู่บ้างซึ่งเป็นปกติ เพราะคนที่คิดแตกต่างยังมีอยู่ ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมระบุแล้วว่าขอให้ดูโพลล์การสำรวจความคิดเห็นต่างๆที่ดำเนินการอย่างอิสระ และมีหลายสำนักมีข้อมูลตรงกันว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังให้ความน่าเชื่อถือและเข้าใจการปฏิบัติงานของรัฐบาลและคสช. โดยยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่าร้อยละ 80-90 แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของประชาชนส่วนใหญ่ ส่วนคนส่วนน้อยที่ยังมีอยู่บ้างก็จะต้องพยายามทำความเข้าใจกันไป และขอให้ช่วยกัน ทั้งนี้ การปฏิบัติของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพยายามปฏิบัติด้วยการให้เกียรติและคำนึงถึงสิทธิต่างๆ แต่ต้องอยู่ในขอบเขต อย่าทำอะไรที่เกินกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งพยายามใช้การพูดคุยเรียกเชิญทำความเข้าใจ เพื่อประคับประคองให้สถานการณ์เดินหน้าไปได้ด้วยดี

“ผมขอฝากว่าเราอยากให้ปัญหาความยุ่งยากที่เคยเกิดนั้นกลับมาอีกหรือ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศมีความสุข โดยเฉพาะขณะนี้ที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวมีนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยวที่ภาคเหนือของไทย และยังคงดำเนินชีวิตตามปกติ แต่ยังมีอีกกลุ่มที่พยายามจุดประเด็นไม่ให้เกิดความเรียบร้อยขึ้นมา ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ดังนั้นต้องช่วยกัน และการแสดงออกต่างๆขอให้อยู่ในขอบเขต ขอให้คนที่เข้าใจและมีญาติพี่น้องช่วยกันดูแลตักเตือนห้ามปรามกัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ตามขั้นตอนของรัฐบาลและเกิดความสุข เพราะในระยะยาวเราจะได้จัดการเลือกตั้งที่ถูกต้องและสมบูรณ์ตามที่รัฐบาลและประชาชนส่วนใหญ่คาดหวัง” พล.อ.อุดมเดชกล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีกลุ่มนักศึกษาหน้าเดิมๆออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและคสช. จะมีการเพิ่มมาตรการมากกว่าการตักเตือนหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า มีมาตรการตามลำดับขั้นตอน แต่รัฐบาลและคสช.มีความคิดเห็นว่าอยากจะมีการเปิดเวที เพื่อให้ได้แสดงออกด้านความคิดเห็นและขอให้แสดงออกอย่างถูกต้อง แต่ต้องรอรับทราบรายละเอียดจากผู้ใหญ่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติพยายามเข้าใจ ไม่อยากใช้มาตรการที่สูงขึ้น เพราะเราเป็นอารยชนแล้ว ถ้าอยากให้ประเทศชาติสูงขึ้นก็ขอให้ความร่วมมือกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น