“ประวิตร” เข้าร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนที่พม่า เผยเตรียมคุยทุกเรื่อง มีถกทวิภาคี รมว.กห.เวียดนาม-สิงคโปร์ และลงนามปฏิญญาร่วมอาเซียนร่วมมือด้านต่างๆ แจง ได้รับรายงาน ฮ.ตกแล้ว รับเป็นเครื่องที่ใช้มานานแต่ยันดูแลดี ยังไม่ทราบเหตุที่ตก ขออย่าห่วงมีแผนซื้ออากาศยานอยู่แล้ว ลั่น “ประยุทธ์” ไปได้ทุกพื้นที่ไม่ขัดแย้งใคร ลงอีสานไร้ปัญหา
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ฝูงเครื่องบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และคณะได้เดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. 2557 ที่นครพุกาม สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า ในการไปประชุมครั้งนี้จะมีการพูดคุยถึงเรื่องความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมภายในอาเซียน โดยจะมีการพูดคุยทุกเรื่อง เช่น เรื่องการฝึก การศึกษา การแลกเปลี่ยนนายทหารทุกระดับชั้น พร้อมทั้งตนจะได้ประชุมกับ รมว.กลาโหมเวียดนามและรมว.กลาโหมสิงคโปร์แบบทวิภาคีในวันที่ 19 พ.ย. 57 ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเดินทางไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนครั้งนี้จะมีการลงนามในปฏิญญาร่วมของ รมว.อาเซียนในเรื่องความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศมุ่งสู่ความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศสมาชิก รวมทั้งหารือและพูดคุยกับ รมว.กลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน เรื่องปัญหาภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งกระทรวงกลาโหมไทยจะเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียนขึ้นที่กรมแพทย์ทหารบกประเทศไทยในปี 2558 เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของสำนักงานทางการแพทย์ทหารของอาเซียน โดยจะเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศรัสเซีย ในขณะเดียวกันจะมีการเสนอร่วมเป็นเจ้าภาพระหว่างไทย รัสเซีย ลาว และญี่ปุ่น ในการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและการแพทย์ทหารร่วมกันในประเทศไทยใน ปี 2559 พร้อมทั้งขยายผลจากการที่รัฐบาลได้ประกาศจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนจำนวน 5 พื้นที่ ประกอบด้วย อ.แม่สอด จ.ตาก จ.มุกดาหาร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จ.ตราด และพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา อีกทั้งเชิญชวนประเทศสมาชิกได้ทราบถึงโอกาสของการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนร่วมกันระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการเผชิญภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และภัยข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน
ทั้งนี้ เวทีการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนทาง รมว.กลาโหมไทย จะเสนอ รมว.กลาโหมญี่ปุ่นให้ญี่ปุ่นได้ช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้กับประเทศสมาชิก พร้อมทั้งขอให้ญี่ปุ่นเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียน และการฝึกทดสอบศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียนดังกล่าวในปี 2559 เวทีการหารือทวิภาคีระหว่างรมว.กลาโหมประเทศต่างๆ ทั้งการหารือทวิภาคีระหว่างไทย-สิงคโปร์ จะหารือในการสนับสนุนการศึกษาและการฝึกร่วมกัน รวมทั้งความร่วมมือในการสนับสนุนกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหมไทย การหารือทวิภาคีระหว่างไทย-เวียดนามจะได้มีการหารือกันในความร่วมมือทางทหาร การแลกเปลี่ยนการเยือนของนายทหารระดับกลางระหว่างกัน การเข้ามามีส่วนร่วมศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียน รวมทั้งการสร้างกลไกความร่วมมือทางทหารระหว่างสองประเทศ การหารือทวิภาคีระหว่าง ไทย-ญี่ปุ่น โดยจะหารือเรื่องความร่วมมือในการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียน และโอกาสในการพัฒนาเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษจำนวน 5 พื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้จะเป็นการส่งมอบการเป็นประธานอาเซียนและการเป็นเจ้าภาพในการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 9 ในปี 2558 ให้แก่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งความก้าวหน้าและความสำเร็จในการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนนี้จะเป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อการสร้างไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือทางทหารร่วมกันเพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนมีความสงบสุขมั่นคงและมีความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ในวันเดียวกันนี้ เวลา 13.30 น. เรือรบมหาบันดูลา เอฟ-22 สัญชาติพม่า เป็นเรือฟริเกตชั้น Fiangghu จะเดินทางถึงเมืองไทย โดยการนำของผู้บังคับหมู่เรือ พลจัตวา เท หน่าย และผู้บังคับการเรือ นาวาโท คิน ซอ พร้อมลูกเรือ 114 นาย และเข้าทำการเทียบจอดที่ท่าเรือจุกเสม็ด ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตั้งแต่ 18 พ.ย. 57 - 21 พ.ย. 57 ด้วย
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ 212 (เบลล์ 212) ประสบอุบัติเหตุตกที่ จ.พะเยา จนทำให้มีกำลังพลนายทหารเสียชีวิต 9 นาย ว่า ได้รับรายงานจาก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุการตกในครั้งนี้ ซึ่งในวันนี้ (18 พ.ย.) เวลา 16.00 น. กองทัพบกจะเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลกับนายทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดที่ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ สำหรับกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวเป็นเครื่องเก่านั้นยอมรับว่าเป็นเครื่องบินที่กองทัพบกได้ใช้มาเป็นเวลานาน โดยในขณะนี้กองทัพบกมีประจำการจำนวน 40 กว่าเครื่อง ซึ่งจะมีการปรนนิบัติบำรุงรักษามาโดยตลอด แต่ทั้งนี้ยังไม่ทราบสาเหตุการตกว่ามาจากอะไร ซึ่งทางศูนย์การบินทหารบกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบสาเหตุการตกแล้วว่าเกิดจากอะไร
“เฮลิคอปเตอร์ของเราจะเก่าหรือไม่เก่า ผมยอมรับว่ามีการปรนนิบัติบำรุงรักษาเป็นอย่างดี และเราดำเนินการทุกขั้นตอน เครื่องยนต์รับรองไม่มีเก่า เราจะเปลี่ยนเครื่องยนต์และอะไหล่ตามวงรอบตลอด” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่าในภาพรวมปีงบประมาณหน้าจะมีการเสนอซื้ออากาศยานหรือเฮลิคอปเตอร์เพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้ามีงบประมาณเราก็ซื้อ และกองทัพก็ได้วางแผนการซื้อเอาไว้แล้วว่าจะซื้อเครื่องบินขนาดไหนไว้ใช้งานในลักษณะต่างๆ ทั้งหมดได้มีการวางแผนไว้หมดแล้ว ไม่ต้องห่วง เพราะศูนย์การบินทหารบกเป็นหน่วยงานที่ใหญ่
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่มีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่นและ จ.กาฬสินธุ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า นายกฯ สามารถเดินทางลงไปได้ทุกพื้นที่ เพราะไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ไปที่ไหนก็เหมือนกัน นายกฯเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้จะไปดูเรื่องปัญหาภัยแล้ง นายกฯ เป็นคนไทยจะลงพื้นที่ใดหรือภาคไหนก็ได้ เวลานี้นายกฯเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและต้องการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับคนในชาติและวางโรดแมปไว้แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อเดินทางโรดแมปที่วางไว้ ขณะนี้ก็เดินตามโรดแมปดังกล่าว
“ผมดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร นายกฯไม่มีศัตรูที่ไหน ในพื้นที่มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสามารถดูแลความปลอดภัยได้” พล.อ.ประวิตรกล่าว