ที่ประชุมสภากลาโหม เตรียมจัดงาน 5 ธันวามหาราชพร้อมรณรงค์ค่านิยม 12 ประการ เห็นชอบระเบียบกำหนดสัญชาติบุคคลเข้าเป็นทหาร ผ่อนผันพลเรือนลูกครึ่งถือสัญชาติไทยเข้าสมัครรับราชการได้ เชิญประชาชนเสนอแนวคิดปฏิรูปผ่านสำนักปลัดกลาโหม เน้นย้ำจัดระเบียบที่ดินทหาร พบบุกรุกให้ดำเนินการตามกฎหมาย ด้าน “ประวิตร” เตรียมเดินทางไปประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน 18-19 พ.ย.นี้ ที่พม่า
วันนี้ (24 ต.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า ที่ประชุมรับทราบการเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม 2557 โดยขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ เตรียมการจัดกิจกรรมต่างๆ และสนับสนุนหน่วยงานราชการอื่นๆ รวมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการ ตลอดจนครอบครัว และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ การรณรงค์ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขอให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ รณรงค์ให้กำลังพลและครอบครัว ร่วมตระหนักและรับรู้ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ สร้างจิตสำนึกและร่วมกันนำสู่การปฏิบัติจนเกิดเป็นจิตสำนึกอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับหลักพุทธศาสนาและหลักของทุกศาสนา อันเป็นแนวทางการส่งเสริมให้สังคมเกิดความสงบสุข
ขณะเดียวกัน พ.อ.คงชีพแถลงว่า มติสภาสภากลาโหมเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการกำหนดสัญชาติของผู้ที่จะบรรจุเข้ารับราชการนายทหารประทวนประจำการ หรือพลทหารประจำการ ทั้งนี้ จากสถานการณ์ความมั่นคงที่เปลี่ยนไปและการบังคับใช้ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเรื่องดังกล่าวมาเป็นระยะเวลายาวนานตั้งแต่ปี 2506 ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ภัยคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้การสรรหาบุคคลพลเรือนที่จะบรรจุเข้ารับราชการทหารในตำแหน่งทั่วไป หรือในตำแหน่งวิชาชีพขาดแคลนของหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ มีขอบเขตจำกัดกว่าข้าราชการประเภทอื่น หรือแม้กระทั่งทหารกองประจำการที่ปลดเป็นกองหนุนบางรายที่มีสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่หากบิดามารดาคนใดคนหนึ่งเป็นผู้มีสัญชาติอื่น ก็ไม่สามารถสมัครเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารได้ จึงปรับปรุงระเบียบนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทางราชการและเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาเป็นทหารได้มากขึ้น
โดยแก้ไขการกำหนดสัญชาติของผู้ที่จะรับราชการเป็นพลทหารประจำการ นายทหารประทวนประจำการ นายทหารสัญญาบัตรประจำการ มีความสำคัญดังนี้ ในกรณีของนักเรียนทหาร เช่น นักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า นักเรียนนายเรือ นักเรียนนายเรืออากาศ นักเรียนแพทย์พระมงกุฎเกล้า นักเรียนนายสิบทหารบก นักเรียนจ่าทหารเรือ นักเรียนจ่าทหารอากาศ รวมถึงนักเรียนในสถาบันการศึกษาสังกัดกระทรวงกลาโหมอื่น เช่น นักเรียนช่างฝีมือทหาร นักเรียนพยาบาล นักเรียนดุริยางค์ ยังคงกำหนดสัญชาติที่มีความเข้มข้นเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับบุคคลพลเรือนที่สมัครเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร ได้ปรับระดับความเข้มข้นของการกำหนดสัญชาติ ให้เปรียบได้กับข้าราชการตำรวจ ข้าราชการอัยการ ตุลาการ เพื่อให้การสรรหาบุคคลของหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพสามารถดำเนินการได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ส่วนตำแหน่งสำคัญ เช่น ผู้บังคับอากาศยาน ผู้บังคับการเรือหลวง หรือตำแหน่งที่ปฏิบัติงานที่กำหนดชั้นความลับ ส่วนราชการอาจกำหนดหลักเกณฑ์การบรรจุหรือแต่งตั้งเป็นการเฉพาะเรื่องเพื่อให้มีระดับความเข้มข้นของการกำหนดสัญชาติได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
นอกจากนี้ ตามที่ คสช.ได้มอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมรับผิดชอบจัดตั้งคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสงบสุขให้คนในชาติ ที่ผ่านมาได้จัดทำร่างกรอบแนวคิดในการปฏิรูปเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และส่งให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นข้อมูลในการดำเนินการแล้วนั้น ขณะนี้เมื่อสภาปฏิรูปแห่งชาติได้เริ่มเดินหน้าประชุมหน้าแล้ว หากประชาชนท่านใดมีความประสงค์ต้องการมีส่วนร่วมในการให้ข้อคิดเห็นข้อเสนอในแนวทางปฏิรูป สามารถส่งข้อมูลผ่านสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมได้ตลอดเวลา ผ่านทางโทรศัพท์ 0-2622-3065 อีเมล rfm@mod.go.th หรือทางไปรษณีย์ที่ “คณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสงบสุขให้คนในชาติ ตู้ ปณ.99 ไปรษณีย์สาขามหาดไทย กรุงเทพฯ 10206”
พ.อ.คงชีพกล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้กำชับเรื่องการใช้พื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลและใช้ประโยชน์ของกระทรวงกลาโหม หากพื้นที่ใดถูกบุกรุกและมีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทับซ้อนเป็นปัญหาที่มีความสำคัญ และเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ สำรวจพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแล รวมทั้งจัดข้อมูลไว้เป็นแผนงาน โครงการในการใช้ประโยชน์ที่ดิน หากพบการบุกรุกพื้นที่ทหาร ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ร่วมด้วย รมช.กลาโหม, ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม และผู้แทนเหล่าทัพ มีกำหนดเดินทางไปร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 8 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. 57 ณ นครพุกาม ประเทศพม่า มีกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เป็นเจ้าภาพ ซึ่งการประชุม ADMM Retreat ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบถึงพัฒนาการและความคืบหน้าความร่วมมือทางทหารของกระทรวงกลาโหม ประเทศสมาชิกอาเซียนและระหว่างกลาโหม ประเทศสมาชิกอาเซียนกับกลาโหม ประเทศคู่เจรจา ที่ดำเนินการผ่านกลไกการประชุมในกรอบ ADMM และ ADMM-Plus รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในมุมมองสถานการณ์ด้านความมั่นคงและความท้าทายความมั่นคงของภูมิภาค โดยมีกำหนดการการประชุม คือ การประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ พิธีส่งมอบการเป็นประธานในการจัดประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนให้กับประเทศมาเลเซีย รวมถึงการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน-สหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ และการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน-ญี่ปุ่น อย่างไม่เป็นทางการด้วย