“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ปลุก “ประยุทธ์” สู้ ชี้ปกติทำดีให้ตายคนมันจะด่ายังไงก็โดนด่า

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ให้กำลังใจ “ประยุทธ์” อย่าท้อ อย่าถอย บอกเป็นนายกฯไม่มีใครไม่โดนด่า ทำดีให้ตายก็โดนด่า จงตั้งตาทำงานตามที่ฝันไว้ให้สำเร็จ สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ดู “หลวงปู่” เป็นตัวอย่าง ก่อนออกไปสู้อยู่บนเวทีแจ้งวัฒนะก็โดนด่า เลิกเวทีมาแล้วมันก็ยังด่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ย. หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) หัวข้อ “โถ... โถ ช่างน่าสงสารนัก” ตามข้อความดังนี้

“เห็นคุณประยุทธ์ ท่านนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย โดนรุมถล่มจากพวกขาประจำ ทั้งที่เคยเชียร์ และไม่อยากเชียร์ มีทั้งขาจร ขาประจำ ทั้งพวกรับจ้างด่า อยากด่า ไม่ถูกใจจึงด่า ไม่ได้ผลประโยชน์เลยด่า ไม่ได้ดังใจหวังแล้วด่า เหม็นขี้หน้ามาแต่เดิมก็ด่า ขอไม่ได้ ต่อรองไม่ได้ จึงออกมาด่า เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาก่อนตามมาด่า เข้าใจผิดคิดว่าโกง โกหก เลยรุมด่า เชื่อคนยุยงปลุกปั่น รวมกันด่า สะใจเห็นว่าได้คะแนนนิยมเลยขอด่า บางพวกเห็นว่าการด่าผู้นำเป็นความเจ๋ง ใจถึง เลยช่วยด่า แต่ก็มีบางคนบางกลุ่มอยากให้ปรับปรุง จึงขอด่า

โถ....โถ... ช่างน่าสงสารนักนะคุณประยุทธ์ ฉันเตือนคุณแล้วว่าอย่าเป็นเลยนายกรัฐมนตรีน่ะ ตำแหน่งนี้มันคือกระโถนท้องพระโรงดีๆ นี่เอง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยตั้งแต่มีมา มีใครบ้างที่ไม่โดนด่า ให้ทำดีให้ตายก็โดนด่า ต่อให้คุณเห็นคนอดน้ำใกล้ตาย เมตตาเอาน้ำไปให้ พอเขาได้ดื่มน้ำแล้ว เมื่อคุณหันหลัง แป๊ปเดียว เดี๋ยวก็ถูกคำว่า ถุย... ให้แค่น้ำล่ะหรือ แล้วข้าวล่ะ กูไม่ได้กินแต่น้ำแล้วอยู่ได้นะ (อันนี้มโนเองนะ ขอบอก เพราะมันมีเหตุให้ใคร่ครวญได้ว่า ตั้งแต่มีนายกรัฐมนตรีไทยมา ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน ทำชั่วอย่างไร ล้วนโดนด่าทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย)

เพราะฉะนั้นคุณอย่าคิดมาก ตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่คุณฝันเอาไว้ให้สำเร็จ ให้หลักคิดที่ว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ยิ่งมีเสียงก่นด่า สาปแช่ง มากเท่าไร คุณยิ่งต้องทำงานให้หนัก ทำงานให้มาก สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ อย่าไปท้อ อย่าไปถอย

คุณประยุทธ์ แม้ตอนนี้คุณมิได้ไปรบทัพจับศึกกับศัตรูที่ไหน แต่คุณกำลังรบอยู่กับศัตรูมโน น้ำหมึก น้ำลาย ที่มีทั้งเท็จๆ จริงๆ จริงๆ เท็จๆ ก็ตามที แต่อย่าประมาท เพราะพวกที่รุมด่าคุณอยู่นี้ ล้วนมีผลงานล้มล้างรัฐบาลมาหลายยุคแล้วทั้งนั้น

ขอให้ดูฉันเป็นตัวอย่างก่อนออกไปสู้อยู่บนเวทีแจ้งวัฒนะก็โดนด่า เลิกเวทีมาแล้ว มันก็ยังด่า ส่วนจะด่าด้วยเหตุผลใดนั้น สุดแท้แต่เขาจะยกมาอ้าง พูดง่ายๆ ว่า กูจะด่าใครจะทำไม แม้ถ้าเป็นสมัยเมื่อ 30 - 40 ปีที่ผ่านมา หากใครมาพูดกับฉันอย่างนี้ ฉันจะเดินเข้าไปหาเขา แล้วค่อยๆ บรรจงยกเปลือกทุเรียนยัดปากอย่างเร็วไว อ่าว อุ้ยตาย ซวยเพราะปากอีกแล้วซิเรา พอแล้วนะ เดี๋ยวลงนรกเพราะปากอีก”