xs
xsm
sm
md
lg

ปธ.ป.ป.ช.ยินดีส่งเอกสารคดีจำนำข้าวให้ อสส.เพิ่ม ย้ำมีอำนาจส่งฟ้องเองได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (แฟ้มภาพ)
ประธาน ป.ป.ช.ยินดีส่งพยานเอกสาร อัยการสูงสุดเพิ่ม ส่วนพยานบุคคลพอแล้ว ย้ำประชุมร่วมงวดหน้าครั้งสุดท้าย คาดอาจแย็บคุยคดีวันประชุมประจำปีทั้งสององค์กร ยันมีอำนาจส่งฟ้องเองได้ เตรียมนำข้อมูลปิดโครงการรับจำนำข้าวประกอบคดีจีทูจีกับประกันราคา แฉหน่วยงานรัฐอ้างเอกสารยุค “มาร์ค” หายจำต้องใช้เท่าที่มี คาดสิ้นปีสรุป สวนแดง ระบุถอด “ชวน” ไม่ได้เหตุวุฒิฯ ไม่ได้ส่งเรื่องมา แย้มคดี “สมศักดิ์-นิคม” มีโดนอาญาข้อหาเสียบบัตรแทนด้วย

วันนี้ (17 พ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด (อสส.) ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่คณะทำงานร่วมฝ่าย อสส.นำความเห็นของ ป.ป.ช.ไปปรึกษากับ อสส.ซึ่งทาง ป.ป.ช.ยินดีส่งพยานเอกสารต่างๆที่มีการร้องขอมาไปให้ อาทิ ข้อมูลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ งานวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ส่วนพยานบุคคลเห็นว่าเพียงพอแล้ว เพราะหากมีการสอบพยานบุคคลมากไปอาจทำให้พยานบุคคลที่ ป.ป.ช.สอบเอาไว้อ่อนลง

“คณะทำงานร่วมฯ ยังไม่ได้กำหนดว่าจะมีการประชุมอีกครั้งเมื่อใด เพียงแต่ให้ อสส.กลับไปพิจารณาให้เร็วที่สุด ป.ป.ช.ขอยืนยันว่าต้องการให้ อสส.ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเอง ซึ่งการประชุมคณะทำงานร่วมฯ ครั้งต่อไปจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” ประธาน ป.ป.ช.กล่าว

นายปานเทพเปิดเผยด้วยว่า ทั้งนี้ในวันที่ 16 ธ.ค.จะเป็นวันที่ผู้บริหาร ป.ป.ช.กับผู้บริหาร อสส.จะมีการหารือกันปกติเป็นประจำเหมือนกับทุกปี ในวันดังกล่าวอาจจะมีการพูดคุยกันเรื่องนี้ด้วย รวมทั้งการหารือคดีต่างๆ ที่ยังอยู่ในการทำงานของคณะทำงานร่วมฯมีอะไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมา อสส.ก็ส่งฟ้องให้ ป.ป.ช.หลายเรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางนายวุฒิพงษ์ วิบูลย์วงศ์ รอง อสส.ระบุว่า หากยังไม่มีการพิจารณาจากอสส.ออกมา ป.ป.ช.ยังไม่มีอำนาจส่งฟ้องเอง นายปานเทพกล่าวว่า ต้องตกลงกันอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งออกมาเป็นความเห็นของคณะทำงานร่วมฯ ว่าไม่สามารถตกลงกันได้ ป.ป.ช.จึงจะสามารถส่งฟ้องได้

สำหรับกรณีที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลัง สรุปตัวเลขขาดทุนจากโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547-2557 จำนวน 6.8 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ สร้างความเสียหาย 5.1 แสนล้านบาท ประธาน ป.ป.ช.กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวจะนำมาประกอบกับคดีที่ยังไม่ได้มีการชี้มูล 2 คดี คือ กรณีซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก กับอีกคดีคือ โครงการประกันราคาข้าวในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นอกจากนี้ ตอนแถลงเปิดคดีกับ สนช.ในสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ป.ป.ช.จะเอาไปย้ำว่าอีกครั้งด้วย เพราะได้พูดถึงการสร้างความเสียหายเอาไว้เพื่อเป็นการเพิ่มน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าในคดีซื้อขายข้าวแบบจีทูจีของนายบุญทรง และพวกนั้น ขณะนี้กำลังเร่งไต่สวนอยู่ เพราะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ส่วนความคืบหน้าของคดีโครงการประกันราคาข้าวในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น หลักฐานที่ ป.ป.ช.ร้องขอไปยังหน่วยงานต่างๆ ก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว โดยมีการอ้างว่าเอกสารต่างๆ หาย ป.ป.ช.จึงจะใช้หลักฐานเท่าที่มีอยู่ คาดว่าใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว ส่วนจะเสร็จก่อนสิ้นปี 57 หรือไม่นั้นจะพยายามเต็มที่

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยโจมตี ป.ป.ช.ว่าปฏิบัติหน้าที่สองมาตรฐาน นายปานเทพกล่าวว่า ป.ป.ช.ฟังอยู่และพยายามชี้แจงว่าไม่ได้ทำอย่างนั้น โดยเฉพาะที่เขาติดใจว่าทำไมจึงไม่ถอดถอน นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีในคดี ปรส. ซึ่งทำไม่ได้ เพราะตามกฎหมายการจะถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะต้องยื่นให้วุฒิสภาเพื่อส่งมาให้ ป.ป.ช. แต่คดีดังกล่าวไม่มี อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่หนักใจ เพราะอยู่ตรงนี้หนักใจไม่ได้

ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ส่งสำนวนถอดถอน 38 ส.ว.แก้ไขรัฐธรรมนูญมิชอบไปให้ สนช. ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีอดีต ส.ว.3 คนที่ปัจจุบันเป็นสมาชิก สนช.และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า ป.ป.ช.ฟ้องตอนที่ทั้ง 3 คนยังเป็น ส.ว.อยู่ แต่ขณะนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ ส.ว.แล้วจึงไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่หาก สนช.จะสอบถามกรณีของ พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ สมาชิกสนช.มาก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นปัญหาเรื่องขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ เพราะสมาชิก สนช.ที่เป็นอดีต ส.ว.จะต้องมาพิจารณาวาระถอดถอนตัวเอง นายปานเทพ กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวคิดว่าไม่ขัด เพราะเป็นคนละตำแหน่งกัน ส่วนเจ้าตัวจะใช้ดุลยพินิจพิจารณาตัวเองหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เชื่อว่า สนช.คงพิจารณากันเอง

นายปานเทพกล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการไต่สวนสำนวนคดีอาญากรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญมิชอบของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ร่วมกับคดี ส.ส.ในจำนวนที่เหลือ โดยสำนวนคดีอาญาดังกล่าวมีเรื่องของการเสียบบัตรแทนกันด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น