“ประยุทธ์” ประชุมสุดยอดอาเซียน ขอบคุณทุกประเทศที่เข้าใจสถานการณ์การเมืองในไทย ยันยังคงให้ความสำคัญอาเซียน ยึดมั่นพันธกรณีในการสร้างประชาคมในภูมิภาค สร้างผลประโยชน์ร่วมกัน หวังเยือนทุกประเทศในไม่ช้า
วันนี้ (12 พ.ย.) เวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ช้ากว่ากรุงเทพฯ 30 นาที) ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 25 ณ กรุงเนปิดอว์ ร่วมกับผู้นำอาเซียนอีก 9 ประเทศ พร้อมด้วยเลขาธิการอาเซียน โดยมีนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าเป็นประธานการประชุม โดยเป็นการทบทวนพัฒนาการการสร้างประชาคมอาเซียน ให้นโยบายเกี่ยวกับการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี 2558 และผลักดันประเด็นความร่วมมือที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่สำคัญ
ร.อ.นพ.ยุงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญในที่ประชุมดังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความชื่นชมการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของพม่า และแสดงความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนและได้เข้ามาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งแรก และหวังว่าจะได้มีโอกาสเยือนประเทศสมาชิกครบทุกประเทศในไม่ช้า พร้อมกับกล่าวขอบคุณประเทศสมาชิกอาเซียนที่เข้าใจต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าไทยยังคงให้ความสำคัญต่ออาเซียนและจะยึดมั่นต่อพันธกรณีต่างๆ ในการสร้างประชาคมอาเซียนในภูมิภาค เพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาค ทั้งนี้ในเรื่องการสร้างประชาคมอาเซียน
นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในปี 2558 อาเซียนควรให้ความสำคัญกับประเด็นเร่งด่วนที่ควรดำเนินการให้เกิดผล 4 ประการ ได้แก่ 1. ส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อเป็นการสนับสนุนการเป็นประชาคมอาเซียน เพื่อความเชื่อมโยงจะนำไปสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการค้าการลงทุนที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ซึ่งไทยให้ความสำคัญและสนันสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนในภูมิภาค เพื่อกระจายความเจริญ ลดช่องว่างการพัฒนา เพิ่มการจ้างงานและห่วงโซ่ด้านการผลิตสินค้า และทำให้ประชาชนตามจุดเชื่อมต่อมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหวังว่าความเชื่อมโยงจะนำไปสู่เศรษฐกิจที่เชื่อมโยงในภูมิภาค
2. อาเซียนต้องมีความพร้อมในการรับมือกับปัญหาข้ามชาติมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ ไทยจึงให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคและอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการค้ามนุษย์ให้แล้วเสร็จในปี 2558 เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างรอบด้าน ทั้งการป้องกัน การดำเนินคดี การคุ้มครองช่วยเหลือ การพัฒนากลไกเชิงนโยบายและการสร้างหุ้นส่วนในภูมิภาค นอกจากนี้ ต้องร่วมกันสร้างอาเซียนเป็นประชาคมที่ปลอดจากยาเสพติดภายในปี 2558 โดยใช้ ป.ป.ส.อาเซียนเป็นกลไกเพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปราม
3. เนื่องจากเพิ่งกลับจากการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปก ซึ่งมีหัวข้อสำคัญ คือ การรวมกลุ่มเศรษฐกิจและเปิดเสรีทางการค้าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นายกรัฐมนตรี จึงเห็นว่า อาเซียนควรเร่งการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ให้แล้วเสร็จในปี 2558 ตามที่ได้เคยประกาศไว้ เพื่อช่วยขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนของประเทศในภูมิภาค
และประเด็นที่ 4. ในปีนี้ครบรอบ 4 ปีสึนามิ และที่ผ่านมาเห็นได้ว่าภูมิภาคอาเซียนมีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติมาก ไทยจึงเห็นว่าอาเซียนต้องร่วมกันรับมือกับภัยพิบัติ เพื่อมิให้กระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาค ดังนั้นต้องทำให้คณะทำงานร่วมของอาเซียนด้านการบรรเทาภัยพิบัติสามารถปฏิบัติงานได้จริงและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้อาเซียนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในการบรรเทาและลดผลกระทบจากภัยพิบัติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับประชาคมอาเซียนภายหลังปี 2558
นายกรัฐมนตรีเห็นว่า การสร้างประชาคมอาเซียนเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ดังนั้น วิสัยทัศน์ของอาเซียนต้องมองไปข้างหน้าเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่อาเซียนได้จัดทำเป้าหมายหลักของวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี 2558 เสร็จสิ้นและจะมีการจัดตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อร่างวิสัยทัศน์ภายหลังปี 2558 ต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาคมอาเซียนจากภายใน ดังนั้นอาเซียนจึงควรให้ความสำคัญกับวาระของประชาชน โดยการยกระดับการดำรงชีวิตของประชาชนในเรื่องต่างๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข โดยเฉพาะเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การพัฒนาที่ยั่งยืน การลดช่องว่างการพัฒนา การขจัดความยากจน การลดความเหลื่อมล้ำ และการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร และให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์จากประชาคมอาเซียน
นอกจากนี้ ภาคเกษตรมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พูดถึงการพัฒนาภาคการเกษตรในเวทีเอเปก จึงอยากเสนอให้อาเซียนพัฒนาภาคการเกษตรให้มีความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับเกษตรกรและส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับภูมิภาคและโลกด้วย ดังนั้น เราควรพัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านธุรกิจทางเกษตรให้แก่เกษตรกร และเพิ่มศักยภาพทางการเกษตรเพื่อยกระดับคุณภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิตทางการเกษตร อาเซียนกำลังจะเปิดเสรีมากขึ้น ทุกประเทศจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงชายแดนมากขึ้นและจะต้องบริหารจัดการชายแดนอย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทั้งด้านการเมืองความมั่นคงและเศรษฐกิจ ประเทศมหาอำนาจจึงสนใจและพยายามเข้ามามีบทบาทและแข่งขันกันมากขึ้น รวมทั้งพยายามเข้ามากำหนดระเบียบในภูมิภาค อาเซียนจึงต้องรักษาความเป็นหนึ่งเดียวและส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) ในสถาปัตยกรรมภูมิภาค โดยอาเซียนต้องมีบทบาทนำในกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคที่อาเซียนเป็นผู้ริเริ่มและมีความคิดและบทบาทเชิงรุก เพื่อให้อาเซียนสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในภูมิภาคต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก หรือ EAS เป็นเวทีหารือในประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ระดับผู้นำที่มีประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเข้าร่วม เราจึงควรส่งเสริมให้ EAS เป็นเวทียุทธศาสตร์อย่างแท้จริง สามารถมีบทบาทและการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม จึงควรให้เจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนศึกษาทิศทางในอนาคตของ EAS ให้เป็นเวทีที่มีบทบาทและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าอาเซียนต้องแสดงท่าทีร่วมกันในเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกภูมิภาค ที่จะมีผลกระทบต่ออาเซียน อาทิ ปัญหาความรุนแรงในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งตะวันออกกลาง ปัญหาโรคระบาด และปัญหาในภูมิภาค
สำหรับอีโบลา เป็นวิกฤตระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ดังนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราต้องเฝ้าระวังและป้องกันและแก้ไข ไทยจึงเห็นว่าในกรอบอาเซียนบวกสาม ควรมีการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในระดับภูมิภาคและสร้างกลไกเฝ้าระวังโรคร่วมกัน ซึ่งไทยพร้อมจะเป็นจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสาม ซึ่งอาจจัดขึ้นในเดือนธันวาคม เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน
ในเรื่องทะเลจีนใต้ ต้องแสดงให้ประชาคมระหว่างประเทศเห็นว่าอาเซียนและจีน สามารถแก้ปัญหากันได้และมีความคืบหน้าในกระบวนการการเจรจา จัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (COC) นอกจากนี้ อาเซียนและจีนจะต้องพยายามรักษาสถานการณ์ในพื้นที่ให้มีความสงบและไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งอย่างเช่นในอดีตโดยการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (DOC) อย่างเต็มที่เพื่อช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันและเร่งรัดการจัดทำ COC โดยเร็ว
ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเรื่อง DOC ซึ่งที่ประชุมได้ตกลงในสาระสำคัญของ COC หลายเรื่อง รวมทั้งจัดตั้งมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันข้อขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น การมีโทรศัพท์ hotline หน่วยงานกู้ภัยและหน่วยงานด้านการต่างประเทศ การฝึกซ้อมร่วมในห้องปฏิบัติการเพื่อร่วมกันกู้ภัยและปฏิบัติการทางทะเลร่วมกัน