ชาวนครสวรรค์เหยื่อตำรวจยิงระหว่างจับยาเสพติดจนเป็นอัมพาต ยื่นหนังสือนายกฯ เผยถูกเล่นปี 51 แต่สุดท้ายศาลยกฟ้องปี 54 จี้ตามเรื่องหลังแจ้งความฟันมือยิงแต่อัยการกลับสั่งไม่ฟ้อง อ้างไม่ให้ปากคำทั้งๆ ที่ยังอยู่ในเรือนจำ ด้าน “ม.ล.ปนัดดา” พร้อมประสานผู้ว่าฯ และ ผบ.ตร.ไม่ให้ใครคุกคาม พร้อมเร่งเยียวยาด้วย เผย “ประยุทธ์” เน้นฟัน ขรก.รังแกชาวบ้าน
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 10.30 น. นายสุวิน ยศสมบัติ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงจนได้รับบาดเจ็บส่งผลให้เป็นอัมพาต โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่ สภ.อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ซึ่งศาลได้ยกฟ้องฟ้องคดีดังกล่าว
นายสุวินกล่าวว่า ตนถูกจับกุมเมื่อปี 2551 โดยมีการแจ้งข้อหาหนัก 4 ข้อหา คือ ต่อสู้พนักงาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน มีอาวุธปืนและยาเสพติดไว้ในครอบครอง ซึ่งข้อหาทั้งหมดศาลยกฟ้องและคดีสิ้นสุดเมื่อปี 2554 ระหว่างนั้นตนแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทั้ง 7 นาย แต่คดีได้เงียบหายไปเนื่องจากอัยการไม่สั่งฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าตนไม่เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ทั้งที่ข้อเท็จจริงระหว่างนั้นตนถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาสอบปากคำตน พร้อมทั้งยังมีการข่มขู่คุกคามโดยการจับตนตรวจปัสสาวะเพื่อหายาเสพติด จึงมาร้องขอความเป็นธรรม
ขณะเดียวกัน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกฯ ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์บริการฯ และเข้ารับเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง พร้อมระบุว่าจะประสานไปผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปมีการคุกคามผู้ถูกกระทำอีก รวมถึงจะประสานไปยังกรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรมในการให้การเยียวยานายสุวิน แม้คดีความจะเลยกำหนดการขอเยียวยาแล้วก็ตาม เนื่องจากเห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องที่นายสุวินประสบความเดือดร้อนจริง
จากนั้น ม.ล.ปนัดดาให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าการทำงานของศูนย์บริการฯยังพบปัญหาประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ยังเข้ามาร้องเรียนที่ส่วนกลางโดยตรง โดยไม่ผ่านศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งจะต้องพัฒนาการทำงานต่อไป ทั้งนี้ เรื่องร้องเรียนที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญคือกรณีข้าราชการรังแกประชาชน โดยกำชับมาว่าต้องแก้ไขให้ได้ ส่วนการที่เจ้าที่จากทุกกระทรวงมาประจำที่ศูนย์บริการฯ ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาทำได้ดีมากขึ้น