xs
xsm
sm
md
lg

“หลวงลุง” มั่นใจมองไม่ผิด เป่านกหวีดมวลชนกู้ศรัทธาหนุนประยุทธ์!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

อาจเป็นเพราะถึงเวลานี้ที่ต้องแสดงท่าทีให้ชัดเจนกันเสียที เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นทั้งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และในฐานะนายกรัฐมนตรี เข้ามาควบคุมอำนาจรวมกันแล้วกำลังเข้าสู่เดือนที่ 6 แล้ว ขณะเดียวกัน กำลังอยู่ในช่วงที่ถูกวิจารณ์และตั้งคำถามจากประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าในที่สุดแล้ว เขาและคณะกำลังเข้ามาด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่

จะเป็นเพราะสถานการณ์เริ่มเบี่ยงเบนไปแบบนี้หรือเปล่า ทำให้ “หลวงลุง” พระสุเทพ ปภากโร หรือสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.ต้องออกโรงส่งสัญญาณอย่างเป็นทางการ ให้มวลชนให้ความร่วมมือและสนับสนุน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล ความหมายก็คือ ให้ช่วยกันสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำหน้าที่ต่อไป นั่นแหละ

“กปปส.จึงขอหยุดความเคลื่อนไหวทางการเมืองไว้ก่อน ซึ่งพระสุเทพ ปภากโร (สุเทพ เทือกสุบรรณ) บอกให้แกนนำทุกคน ปล่อยวางสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ และขอให้แกนนำให้ความร่วมมือกับรัฐบาล และคสช. ในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ส่วนพระสุเทพ จะบวชต่อไปให้ครบ 204 วัน ตามจำนวนที่ กปปส.ชุมนุม ซึ่งจะครบกำหนดประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 แต่จะลาสิกขาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระสุเทพ”

นั่นเป็นการแถลงท่าทีล่าสุดอย่างเป็นทางการ ผ่านทางเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ ซึ่งเป็นทั้งลูกบุญธรรม และโฆษก กปปส.ที่เพิ่งแถลงออกมาเมื่อวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นวันครบรอบ 1 ปี ของการชุมนุมของ กปปส. (31 ตุลาคม)

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากท่าทีที่เกิดขึ้น อาจไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะที่ผ่านมา พระสุเทพ ปภากโร ก็ได้เดินสายเทศนาทั่วประเทศ โดยเฉพาะกับมวลชน กปปส.ทางภาคใต้ ให้อดทนอย่าเพิ่งออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้แก้ปัญหาอันเนื่องจากราคายางพาราตกต่ำ รวมไปถึงท่าทีวางเฉยต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “ขาหุ้นพลังงาน” ที่รณรงค์เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องการปฏิรูปพลังงาน

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อระยะเวลาล่วงมาเนิ่นนานเรื่อยๆ จากคำขอร้องที่ทางคณะผู้นำ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย้ำอยู่ตลอดเวลา ทำนองว่า “ปัญหาบ้านเมืองหมักหมมมานาน ขอเวลาแก้ปัญหา” ในตอนแรกๆ อาจรับฟังได้ แต่เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 6 ปัญหาหลายเรื่องก็ต้องเห็นแนวโน้มบ้าง หรือบางปัญหา น่าจะมีความก้าวหน้าบ้าง แต่กลายเป็นว่ายังไม่มีขยับ โดยเฉพาะการจัดการปัญหาทุจริตให้เห็นเป็นรูปธรรม ละเลยติดตามคนทำผิดที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก มีหมายจับหลายคดี อย่าง ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สร้างความเสียหาย ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว จนมีการเปิดเผยตัวเลขจากกระทรวงการคลังว่า เสียหายไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท ทำให้คนไทยต้องชดใช้หนี้ไม่น้อยกว่า 30 ปี จนถึงรุ่นหลาน

ที่น่าติดตามก็คือ จนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวได้เลย เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ยังไม่ส่งตัวเลขรายรับรายจ่ายมาให้กระทรวงการคลัง

ขณะเดียวกัน เมื่อล่วงเข้าสู่เดือนที่ 6 สังคมกลับเริ่มหวาดระแวงมากขึ้นว่า ในที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. จะปฏิรูปพลังงานไปในทางไหนกันแน่ เพราะที่ผ่านมามีแนวทางสวนทางกับภาคประชาชน เพราะล่าสุดไฟเขียวให้เปิดสัมปทานสำรวจปิโตรเลียม รอบที่ 21 จำนวน 29 แปลง มีระยะเวลาผูกพันนานไม่น้อยกว่า 35 ปี แม้ว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจะยอมให้นำเรื่องไปหาข้อสรุปด้านพลังงานในสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ภายใน 2 เดือน แต่รัฐบาลก็ “ไม่ได้สั่งชะลอ” การเปิดสัมปทานดังกล่าวแต่อย่างใด ทำให้มองว่า เป็นเพียงการลดกระแสต่อต้าน ป้องกันบานปลายเท่านั้น เพราะเมื่อพิจารณาจากตัวบุคคล ทั้งในและนอก สปช.ล้วนมีทัศนคติไปในทางเดียวกันหมด ดังนั้นก็พอจะรู้คำตอบล่วงหน้าแล้วว่าจะออกมาแบบไหน

เมื่อพิจารณาทั้งผลงานรัฐบาลที่ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำทุกรายการ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น ความระแวงสงสัยว่า ระดับ “บิ๊ก คสช.” บางคนกำลังแตะมืออยู่กับ ทักษิณ ชินวัตร ล้วนเป็นปัจจัยทำให้ความศรัทธาทั้งต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลเริ่มลดลง

ที่ผ่านมา “หลวงลุง” พระสุเทพ ปภากโร ก็เทศนายืนยันกับมวลชน กปปส. ให้อดทนรอ พร้อมทั้งรับประกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นคนดี มีความตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง หลังจากเคยการันตีบนเวทีว่า “เขายืนอยู่ข้างประเทศชาติ” เมื่อครั้งที่มวลชนเริ่มระแวงสงสัยว่า นายทหารคนนี้มีท่าทียืนอยู่ข้างไหนกันแน่ และครั้งนี้ถึงกับเรียกร้องให้มวลชนให้การสนับสนุนรัฐบาล มองในมุมนี้ก็พอมองได้ว่า มวลชน กปปส.อาจมีบางส่วนเริ่มตั้งคำถามและเกิดลังเลขึ้นมาอีก อันเป็นผลมาจากหลายกรณีดังกล่าว

การส่งสัญญาณคราวนี้ของ พระสุเทพ ปภากโร จึงไม่ต่างจากการ “เป่านกหวีด” อีกครั้ง เพียงแต่ว่าสถานะได้เปลี่ยนแปลงไป และความหมายเป็นตรงกันข้าม คือให้เคลื่อนไหวสนับสนุน ไม่ใช่ออกมาต่อต้าน!
กำลังโหลดความคิดเห็น