xs
xsm
sm
md
lg

จาก “ไฮทักษิณ-โกหกทีวี” ถึง “เสธ.น้ำเงิน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เสธ.น้ำเงิน” เจ้าของเพจ “แฉ...ความลับ” เป็นใคร มาจากไหน จนถึงวันนี้ก็ยังคงเป็นปริศนา

ก่อนรัฐประหาร ภาพ Cover ในเฟซบุ๊ก “แฉ...ความลับ” เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2556 ระบุข้อความด้านบนว่า “ทหารระดับกลางคุมกำลัง...ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”

ก่อนที่หลังรัฐประหารจะขึ้นข้อความใหม่ว่า “รัฐประหารแล้วประชาชนมีความสุข ดีกว่าเลือกตั้งแล้วประชาชนมีความทุกข์” จนถึงปัจจุบัน

เพราะฉะนั้น ข้อความแรกที่ระบุว่า “ทหารระดับกลางคุมกำลัง” คำถามคือ แอดมินที่ใช้นามแฝงว่า “เสธ.น้ำเงิน” นั้นเป็นใคร

ตัวเลือกที่ 1 … แอดมินเป็นทหาร ระดับกลางคุมกำลัง “จริง”
ตัวเลือกที่ 2 … แอดมินอ้างตัวว่าเป็นทหาร ระดับกลางคุมกำลัง ซึ่งแบ่งเป็น 2 กรณี คือ เป็นอดีตทหารระดับกลางคุมกำลังจริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็น หรือ แอดมินเป็นทหารหน่วยอื่น ที่ไม่เกี่ยวกับการคุมกำลัง

หรือหากเลวร้ายที่สุด ก็คือ แอดมินไม่ได้เป็น “ข้าราชการทหาร” แต่อ้างตัวเองว่าเป็นทหาร เพื่อสนับสนุนแนวคิดการใช้ทหารจัดการกับฝั่งตรงข้าม กปปส.

หากข้อแรก แอดมินเป็นทหาร ระดับกลางคุมกำลังจริง ถือว่าการทำหน้าที่ที่ผ่านมา “สอบตก” เพราะมีหลายกรณีที่ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มไปเยอะ

ตัวอย่างเช่นคดี “ขอนแก่นโมเดล” เสธ.น้ำเงินไปปล่อยข่าวว่า ศาลได้ตัดสินประหารชีวิต 26 ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามไปแล้ว ทำเอาผู้คนแตกตื่นไปทั่วบ้านทั่วเมือง ปรากฏว่าคดีเพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนของศาล ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ อย่างที่มีการลือกัน

หรือหลายครั้ง เสธ.น้ำเงิน มักจะโพสต์ข้อความโจมตีฝ่ายตรงข้ามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะระบุว่า “คสช.กำลังต้องการทำลายระบอบทักษิณ”

กระทั่งฝ่าย คสช.เองอย่าง พ.อ.วินธัย สุวารี ยังสั่งให้ตรวจสอบไอพีแอดเดรสของ เสธ.น้ำเงิน เนื่องจากเป็นห่วงว่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ทำลายบรรยากาศปรองดอง

แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าพบตัว เสธ.น้ำเงินแล้ว …

แต่ถ้าข้อหลัง แอดมินอ้างตัวว่าเป็น “ทหารระดับกลางคุมกำลัง” ไม่ว่าจะเป็นทหารหน่วยอื่น อดีตทหาร หรือเป็นพลเรือนธรรมดา ถือว่าเป็นการกระทำที่ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลทางอ้อม ด้วยการสร้างศัตรูหรือใส่ร้ายผู้อื่น รวมถึงทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพเสื่อมเสียไปด้วย

ยิ่งถ้าเป็นพลเรือนธรรมดา แอบอ้างเป็นทหาร ก็ไม่ต่างอะไรไปจากพวกทหารปลอม ที่แต่งเครื่องแบบเต็มยศเพื่อหลอกลวงผู้อื่น ซึ่งมีความผิดทางกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

ยิ่งถ้าเป็น (2) เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และ (3) เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร บทลงโทษก็ยิ่งหนักเพิ่มขึ้นไปด้วย

อีกตัวอย่างการสอบตก คือ ข้อเขียนของ “เสธ.น้ำเงิน” เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2557 เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2557 หัวข้อ “ไขปริศนา..ความลับ 5 ปี เส้นทางกฐินสามัคคีเป่าหัวหน้าแก๊งท่าพระจันทร์” ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งระบุเหตุการณ์ลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 ระบุว่า

“วันที่ 17 เม.ย. 2552 เช้าตรู่ ขณะที่เสื้อแดงกำลังก่อเหตุเผาเมือง ในขณะนั้นรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน คนร้ายได้ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มใส่รถ แก๊งสภาท่าพระจันทร์ โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มกว่าร้อยนัด บริเวณปั๊มคาลเท็กซ์ ถนนสามเสน หน้าวัดเอี่ยมวรนุช สี่แยกบางขุนพรม เขตพระนคร

“ส่งผลให้เขาถูกกระสุนฝังลึกในขมับด้านขวา ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉีกขาดบริเวณใบหน้าด้านขวา และบาดแผลฉีกขาดด้านขวาอีกหลายที่ คนขับรถถูกยิงอาการสาหัส แพทย์ได้ผ่าตัดสมอง ทรวงอก และกระดูกต้นแขนขวา เขารอดตายได้อย่างเหลือเชื่อ ...”


ข้อความข้างต้นของ เสธ.น้ำเงิน ถือว่า เป็นข้อความเท็จที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหลายประเด็น เช่น

1. วันที่ 17 เม.ย. 2552 มิได้มีเหตุการณ์เสื้อแดงกำลังก่อเหตุเผาเมืองแต่อย่างใด เนื่องจากเหตุการณ์เสื้อแดงเผาเมืองสงบลงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. 2552 จากการที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินและกองทัพใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม

2. รายละเอียดของอาการบาดเจ็บของนายสนธิและคนขับรถมิได้เป็นอย่างที่ “เสธ.น้ำเงิน” กล่าวอ้าง จนอาจกล่าวได้ว่าข้อเขียนดังกล่าวเป็นการมโนล้วนๆ ของคนเขียน ซึ่งหาก “เสธ.น้ำเงิน” เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นทหาร หรือเป็นคนในแวดวงข่าวกรองจริง ก็ไม่น่าจะมโนเรื่องราวจนผิดจากข้อเท็จจริงได้มากขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม มีแหล่งข่าวให้ข้อมูลกับเราเบื้องต้นว่า นามปากกา “เสธ.น้ำเงิน” มีทั้งทหารยศร้อยเอก และพลเรือนเป็นแอดมินรวม 4 คน ส่วนใหญ่ได้ข่าวมาจากโซเชียลมีเดียของคนที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุม กปปส.

แต่ระยะหลังทหารดูแลแต่ภาพกว้าง ปล่อยให้แอดมินที่เป็นพลเรือนเป็นคนเขียน หนึ่งในนั้นจบเกียรตินิยมมหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดัง มีความชำนาญด้านงานเขียน เป็นคนเขียนเนื้อหาให้

เนื้อหาส่วนใหญ่ในตอนนี้ จึงมีแต่ประเด็นที่เน้นโจมตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทุกเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า และประเด็นพลังงาน ที่มักจะกล่าวหาฝ่ายที่ออกมาตั้งข้อสงสัยว่าเป็นพวกล้มรัฐบาล

ถึงเรายังไม่รู้ว่า เสธ.น้ำเงินตัวจริงเป็นยังไง แต่บทเรียนในอดีตที่ผ่านมา ปฏิบัติการข่าวสารของกลุ่มการเมืองขั้วต่างๆ ถึงที่สุดจุดจบก็คงเป็นเพียงแค่ “มาแล้วก็ไป” ไม่มีอะไรยั่งยืน

ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีฝ่ายตรงข้ามอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นหนังสือพ็อกเกตบุ๊กจัดพิมพ์แจกให้กับคนระดับรากหญ้า โจษจันว่าเป็นฝีมือของทีมงานนักการเมืองอีสานใต้ทำเพื่อเอาใจทักษิณ

แต่หลังยุบพรรคพลังประชาชน ก๊วนของนักการเมืองทางอีสานใต้ย้ายขั้วไปหาพรรคประชาธิปัตย์ กระทั่งเปลี่ยนรัฐบาล ได้หันมาชูธงเสื้อน้ำเงินด้วยสโลแกน “ปกป้องสถาบัน สงบ สันติ สามัคคี” เว็บนี้จึงหายไปกับสายลม

หรือจะเป็น เว็บไซต์โกหกทีวี สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีหลานสาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้การสนับสนุน ตอนหลังถูก คสช. เรียก “จรัล อัมพรกลิ่นแก้ว” เว็บมาสเตอร์ไปรายงานตัวเพื่อปรับทัศนคติ ขณะนี้เลยปิดตัวไป (ชั่วคราว)

ส่วนฝั่งพรรคประชาธิปัตย์และ กปปส. แนวรบส่วนใหญ่เป็นพวกแฟนเพจ แต่ระยะหลังๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการโปรโมต หลังเกิดเหตุรัฐประหารและพรรคการเมืองส่วนใหญ่ยุติกิจกรรมทางการเมืองชั่วคราว

อีกทั้งพอรัฐบาลชุดนี้เข้ามา สื่อมวลชนหญิงรายหนึ่งที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กับ กปปส. เคยปะทะคารมกับนักการเมืองลายครามบ่อยๆ ถึงตอนนี้ก็มักจะวิจารณ์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. ผ่านบทความอยู่บ่อยครั้ง

เพราะฉะนั้น ในเมื่อ เสธ.น้ำเงินเป็นใคร มาจากไหนก็ไม่รู้ จึงไม่มีอะไรอยากจะฝากบอก แต่การต่อสู้ด้วยความเท็จไม่มีอะไรยั่งยืน มีแต่ความสูญเสียที่ไม่ใช่แค่ตัว เสธ.น้ำเงิน ซึ่งคนที่ไม่เปิดเผยตัวตน ก็ลอยตัวเหนือปัญหาได้อยู่แล้ว

แต่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา นักจัดรายการที่ชื่อ สมัคร สุนทรเวช สถานีวิทยุยานเกราะ และหนังสือพิมพ์ดาวสยาม ถูกจารึกในประวัติศาสตร์แล้วว่าใช้สื่อเพื่อสร้างความเกลียดชัง ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

หากสมมติว่า วันใดรัฐบาลประยุทธ์บริการงานผิดพลาด หรือมีความเคลือบแคลงสงสัย ประชาชนเกิดความไม่พอใจกลายเป็นความวุ่นวายในบ้านเมือง ข้อเขียนแบบ เสธ.น้ำเงิน จะยิ่งเติมเชื้อไฟให้ความขัดแย้งรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ประวัติศาสตร์ในอดีตเคยมีบทเรียนมาแล้ว ขึ้นอยู่กับว่า เสธ.น้ำเงิน จะใส่ใจย้อนกลับไปดูหรือไม่ พ่อแม่หลายคนตามใจลูกจนเสียคนก็มีมาก ดาราหลายคนตายทั้งเป็นเพราะกองเชียร์ออกตัวแรงก็มี

เตือนด้วยความหวังดี แค่รักประยุทธ์น้อยๆ รักประยุทธ์นานๆ ไม่พอ ต้อง “รักประยุทธ์ให้ถูกทาง” ไปด้วย อย่าให้ พล.อ.ประยุทธ์เสียคนเพราะกองเชียร์เอาแต่ใจ

ช่วยกันเชียร์ ช่วยกันยกหางจนไม่เห็นหัว ถีบหัวส่งประชาชนเป็นศัตรู

ไม่เช่นนั้นหากความเห็นต่างกลายเป็นความขัดแย้ง ท้ายที่สุดศรัทธาที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ราวผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่เกิดขึ้นเพราะต้องการให้การรัฐประหารเป็นการผ่าทางตันแก่ประเทศจริงๆ จะถอยห่าง ลดลงเรื่อยๆ

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจ กลับไม่ฟังเสียงทักท้วงจากใคร แถมยังมีกองเชียร์แบบ เสธ.น้ำเงินคอยช่วยกันยกหาง เมื่อผู้คนที่เคลือบแคลงสงสัยไม่ไว้วางใจขึ้นมาแล้ว วันหนึ่งเกิดทนไม่ไหวจากปัญหาชาติที่รุมเร้าจะเป็นอย่างไร

ไม่อยากจะนึกสภาพว่าประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายจะกลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง แม้กฎอัยการศึกจะทำให้การเคลื่อนไหวการเมืองเกิดขึ้นได้ยาก ต่อให้คิดแบบภาวนาทุกวันว่า อย่าให้บ้านเมืองเลวร้ายลงไปอีกก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น