แพร่ - พบชายชุดพรางเป็นทหารเกณฑ์ค่ายขุนจอมธรรม เมืองกว๊านพะเยา เช่ารถตู้ทำป้ายทะเบียนทหารปลอม ติดสติกเกอร์ พล.ร.7 ตบตา จนท.ขนยาเสพติด ขณะที่รอง ผบช.ภ.5 พร้อมผู้ว่าฯ แพร่ รุดตรวจสอบพบมียาบ้าเต็ม 20 เป้ เชื่อไม่ต่ำกว่า 2 ล้านเม็ด ไอซ์อีก 1 เป้ คาดไม่ต่ำกว่า 3 กก.ขณะที่ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 ได้สั่งการให้เชิญตัวมารดาของพลทหารวิชัย เกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว เหตุไม่ต้องการให้มีวิสามัญ หวังขยายผลทำลายเครือข่ายต่อไป
วันนี้ (16 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าตำรวจ สภ.เด่นชัย จ.แพร่ ประจำด่านแพร่ธรรมาราม นำโดย พ.ต.ท.ทัตเทพ เดโชชัย สว.สส.สภ.เด่นชัย สกัดจับรถตู้ติดป้ายทะเบียนรถทหารทหาร พร้อมสติกเกอร์ พล.ร.7 บรรทุกยาบ้าได้เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมร่วมตรวจนับของกลางที่พบในรถตู้ โดยพบว่ามียาเสพติดทั้งยาบ้า ยาไอซ์ อยู่ถึง 21 เป้ เป็นยาไอซ์ 1 เป้
จากนั้นได้ระดมเจ้าหน้าที่หลายนายเริ่มนับปริมาณยาบ้าทั้งหมดตั้งแต่เวลา 16.45 น.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 ล้านเม็ด ขณะที่ยาไอซ์ คาดว่ามีไม่น้อยกว่า 3 กก.
ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีพบว่า มีเพียงคนเดียวโดยเชื่อว่ายังคงอยู่ในบริเวณ อ.เด่นชัย ใกล้กับหน่วยทหาร ม.พัน 12 ค่ายพระยาไชยบูรณ์ โดยทางตำรวจได้ส่งกำลังเข้าติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่พบแม้แต่เงา
ทั้งนี้ จากการสืบสวนของตำรวจทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นทหารเกณฑ์ ชื่อพลทหารวิชัย รักษ์คีรีเขต อายุ 22 ปี สังกัด ร.17 พัน 4 ค่ายขุนจอมธรรม อ.เชียงคำ จ.พะเยา มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 210 หมู่ 4 ต.เชียงบาน อ.เชียงคำ จ.พะเยา การลำเลียงยาบ้าในครั้งนี้มีการวางแผนหลายวัน โดยไปทำการเช่ารถตู้เลขทะเบียน นค 1000 เชียงใหม่ นำไปใช้ในการลำเลียงยาบ้า โดยนำป้ายทะเบียนออก และทำป้ายทะเบียนทหารเลขที่ 9912 พร้อมทั้งสติกเกอร์ พล.ร.7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่ด้านข้างของรถ และด้านหน้าเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่
พล.ต.ต.ประหยัชว์ กล่าวว่า การจับคุมครั้งนี้ถือเป็นรายใหญ่ ซึ่งผู้ต้องหาใช้วิธีการดัดแปลงรถให้เป็นรถในราชการทหารซึ่งคงไม่เกี่ยวข้องต่อสังกัดหน่วยทหารแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.สุทัศน์ จารุมณี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 ได้สั่งการให้ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 17 เชิญตัวมารดาของพลทหารวิชัย รักษ์คิริเขต สังกัด ร.17 พัน.4 ไปยังที่เกิดเหตุเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว และไม่ต้องการให้มีการวิสามัญ เพื่อการขยายผลทำลายเครือข่ายต่อไป
พร้อมกันนั้นกองพลทหารราบที่ 7 ได้จัดเสนาธิการกรมทหารราบที่ 17 และทีมงาน เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่ออำนวยการ และประสานการปฏิบัติกับ พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ. ม.พัน 12 อย่างใกล้ชิด ตลอดจนร่วมกับ ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการขยายผลต่อเครือข่ายบุคคลในพื้นที่สงสัยต่อไป