ผ่าประเด็นร้อน
ในที่สุดการคาดการณ์วิเคราะห์จากความเคลื่อนไหวหลายอย่างในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึงการเกิดคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ขึ้นมาก่อนหน้านี้ ล้วนมาจากการค้ำชูของ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” คนนี้ ที่ชื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็มีคำตอบที่ชัดเจนมากขึ้นออกมาจากปากของ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยโพสต์แท็บลอยด์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เหมือนเป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพดังกล่าวได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน ทำให้เห็นภาพความเกี่ยวโยงถึงกันระหว่างหลวงปู่พุทธะ อิสระ กับ “ทีมงานบูรพาพยัคฆ์” ที่มี พี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “น้องรอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่เวลานี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ “น้องเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี
เพราะจากปากหลวงปู่พุทธะอิสระ เปิดเผยให้เห็นว่ามีการไปมาหาสู่ มีการนับถือกันมานานตั้งแต่รับราชการทหารในภาคตะวันออกชายแดนเขมร รวมไปถึงการติดต่อสื่อสารระหว่างกันในช่วงการชุมนุมของ กปปส. ที่หลวงปู่เป็นแกนนำ “เวทีแจ้งวัฒนะ” ต่อเนื่องจนมาถึงก่อนการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. ไม่กี่วัน
อย่างไรก็ดี ในคำพูดของหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่ให้ความเห็นกับคำถามที่ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จะพังเพราะบิ๊กป้อม” หรือไม่ โดยอธิบายให้เห็นภาพชัดว่า เป็นเพราะบุคลิกของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคนกว้างขวาง มีเพื่อนมีเครือข่ายมากมาย ทำให้การทำงานในทุกกระทรวงทบวงกรมมีความราบรื่น ไม่ติดขัด ขณะเดียวกัน ลักษณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว ดังนั้น มี พล.อ.ประวิตร ก็สามารถชดเชยในเรื่องดังกล่าวได้ และที่สำคัญใช้คน"ที่ไว้ใจได้”
เมื่อย้อนกลับมาพิจารณาถึงตำแหน่งต่างๆ ทั้งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในรัฐบาล ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อเนื่องมาจนถึงสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ พล.อ.ประวิตร เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา หลายคนมีความใกล้ชิด เป็นญาติพี่น้อง เป็นเครือข่ายใกล้ชิดกันมานาน บางคนสนิทชิดเชื้อมาตั้งแต่เรียนมัธยมที่เรียกว่า “เซนต์คาเบรียล เน็ตเวิร์ก” เพราะมีทั้งระดับบิ๊กราชการ ทหารตำรวจ พ่อค้านักธุรกิจระดับเบ้งๆทั้งสิ้น ในรัฐบาลเท่าที่จำหน้าได้ก็มี “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ยงยุทธ์ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ส่วนในวงการตำรวจและทหารพิจารณาจากนามสกุลและเส้นทางล้วนทราบมานานแล้วว่าเป็นเครือข่ายเดียวกัน
ถ้าหากจิ้มเป็นรายบุคคลในตำแหน่งหลักๆ ทั้งในหน่วยงานที่เป็นศูนย์กลางอำนาจในปัจจุบันล้วนแนบชิดกับ “พี่ป้อม” ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน ถ้าจะบอกว่าบุคคลที่ “ทรงอำนาจ” และบารมีมากที่สุดในประเทศนี้นอกจาก “บิ๊กตู่” แล้ว ก็ต้องเป็นเขาที่เป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ ทั้งหลายทั้งปวงนั่นแหละ
หากความหมายจากคำพูดของ หลวงปู่พุทธะอิสระ ที่ให้เหตุผลว่าการมอบหมายในภารกิจและตำแหน่งสำคัญล้วนมาจาก “ความไว้วางใจ” เป็นหลัก และมั่นใจว่าทั้งคู่ คือ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ล้วนมีความตั้งใจดีต่อบ้านเมือง มุ่งมั่นต่อการปฏิรูป จึงไม่น่า “จะทำพัง” และในทางตรงกันข้ามด้วยบุคลิกภาพเป็นคนกว้างขวาง มีเครือข่ายมากย่อมเป็นการ “ค้ำเก้าอี้” อย่างดีให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยซ้ำไป
อธิบายจากภาพดังกล่าว เราจึงได้เห็นเครือข่ายเพื่อนพ้องน้องพี่เข้ามาอยู่ในรัฐบาล ใน คสช. ที่ส่วนใหญ่มาจากสายกองทัพเป็นเพื่อนร่วมรุ่น เป็นลูกน้องคนสนิทที่ส่งเสริมกันมานาน เพื่อความมั่นคงและไว้ใจได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในแง่ของอำนาจและเครือข่ายที่จัดวางกันมาอย่างรัดกุม มั่นคงแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดล้วนต้องขึ้นอยู่กับ “ผลงาน” ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นหลักเท่านั้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้อง ราคาสินค้า สิ่งที่ชาวบ้านสัมผัสได้ต่างหาก เพราะตราบใดที่เรื่องดังกล่าวล้มเหลว ชาวบ้านเดือดร้อน การปฏิรูปไม่เป็นไปในทิศทางที่คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ต่อให้มั่นคงกว่านี้อีกร้อยเท่าก็เอาไม่อยู่ ซึ่งได้เวลาพิสูจน์กันแล้ว !!
