“ประยุทธ์” ประชุมหัวหน้าส่วนราชการครั้งแรก ย้ำเร่งแก้ปัญหาง่าย ถกมือเศรษฐกิจถึงแผนขับเคลื่อน ใช้งบ 57 โปะ 58 ลุยไตรมาสแรก เมินแจกเงิน ชี้ไฟใต้ต้องพัฒนาชิง ปชช.คืน ไม่ยอมเสียดินแดน โวโอไอซีชม คุยสันติสุขทุกกลุ่มและผู้นำ ตปท. ลั่นบ่อนขอนแก่นผิดสั่งย้าย ปัดทหาร-ตร.เกาเหลา บ่นปฏิรูปพลังงานเถียงไม่จบ เผยสรุปผลตรวจสต๊อกข้าวอยู่ ลั่นไม่ตายวันนี้ก็ตายวันหน้า
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ประจำเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการครั้งแรกภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โอกาสนี้นายกฯ ร่วมถ่ายภาพหมู่กับปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการทั้งหมด และภาพถ่ายคู่กับข้าราชการที่เกษียณอายุราชการในปีนี้เป็นที่ระลึก เช่น พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงงาน ที่เกษียณอายุราชการจากปลัดกระทรวงกลาโหม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เกษียณอายุราชการจากผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่เกษียณอายุราชการจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นต้น ที่ห้องโถงใหญ่ช่างล่างหน้าบันไดทางขึ้นชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนเริ่มประชุม นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นตัวแทนมอบพวงมาลัยดอกมะลิแก่นายกฯ พร้อมกล่าวว่านายกฯ รับใช้ชาติมากว่า 38 ปี หลังเกษียณอายุราชการแทนที่จะได้พักผ่อนเหมือนกับข้าราชการคนอื่นที่เกษียณ แต่อาสามาพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง ถือเป็นความเสียสละ ทั้งนี้การประชุมครั้งต่อไปเดือนตุลาคม กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพ
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ประชุมเพื่อขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้าให้แนวทางการทำงานในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบาย ผู้ที่นำไปสู่การขับเคลื่อน คือ รองนายกฯ และรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติคือ กระทรวง ทบวง กรม ที่ต้อง1. ทำจริง ทำทันที 2. ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี และ 3. เตรียมการสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จให้ยั่งยืน และได้ทำความเข้าใจเรื่องงบประมาณที่จัดสรรไว้แล้วว่าจะใช้จ่ายอย่างไรให้สอดคล้องกับแผนงานที่เรากำหนดไว้ 3 ระยะ คือ เร่งด่วน ปานกลาง และระยะยาว เรื่องเร่งด่วนต้องทำให้เกิดผลทันที เมื่อไหร่เมื่อนั้น ปัญหาแก้ง่ายก็แก้เลย อะไรแก้ไม่ได้ต้องใช้เวลา ในปีนี้ต้องแก้ให้สำเร็จและวางรากฐานปีต่อไปให้ได้ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกลุ่มงานที่ใกล้เคียงมาอยู่ด้วยกัน ในการประชุมครั้งหน้าแต่ละกระทรวงต้องมารายงานความก้าวหน้า หรือมีปัญหาตรงไหน ให้นายกฯ รัฐบาลช่วยให้บอก เป็นการทำงานสองทางคือ ขับเคลื่อนรัฐมนตรี และประสานรัฐมนตรีไปยังหน่วยงานปฏิบัติ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงเรียก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นการนำแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเข้าไปพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยหารือว่าจะขออนุมัติใช้งบประมาณของปี 2557 ที่ค้างอยู่ ซึ่งดำเนินการไม่ได้หรือดำเนินการไม่ทัน เนื่องจากมีปัญหามาตลอด รวมถึงงบประมาณปี 2558 ในไตรมาสแรก โดยจะแบ่งว่าทุก 3 เดือนเราใช้เงินทั้งปีเท่าไร เพื่อให้เม็ดเงินปี 2558 อยู่ในพื้นที่ทุกระดับ เพื่อเร่งการจับจ่ายซื้อขาย การลงทุน โดยงบประมาณปี 2558 จะเริ่มใช้เดือนตุลาคม ทั้งนี้ งบประมาณปี 2557 กว่า 1 แสนล้านบาทที่ยังดำเนินการไม่ได้เนื่องจากมีข้อขัดแย้งต่างๆ ก็จะเอาเงินตรงนี้มารวมกับงบประมาณปี 2558 แล้วทำไปพร้อมกันก็จะทำให้มีเงิน 2 ส่วนในการขับเคลื่อน โดยกระทรวงจะจัดทำแผนในการดำเนินการ ไม่ใช่เอาเงินไปแจก ไม่ได้ เงินสักสลึงเงินตนก็ไม่เห็น ทุกอย่างต้องเซ็นเป็นหนังสือหมด ใครจะมาโกงหรือทุจริตไม่ได้ ต้องลงโทษกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการของรัฐบาลที่ออกมาในช่วงแรกจะกระตุ้นเรื่องอะไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ให้มากที่สุด ทั้งเรื่องการซ่อมแซม การก่อสร้าง สร้างงาน พัฒนาการส่งออก ปรับปรุงคุณภาพ เพิ่มมูลค่าสินค้าในปัจจุบันให้หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการจัดประชุมสัมมนาที่มีผลสัมฤทธิ์สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยจะเป็นการจัดสัมมนาภายในประเทศ และในต่างจังหวัดเพื่อให้ธุรกิจบริการ ในการโรงแรม เมื่อนำมาใช้ในไตรมาสแรกก็จะขับเคลื่อนคนที่มีรายได้น้อยที่มีหน้าที่ให้บริการได้ด้วย และจะทำอย่างไรให้คนที่ใช้แรงงานมีรายรับและมีการใช้จ่ายสิ่งของที่มีความจำเป็น ทำให้เกิดการหมุนเวียนภายในตลาด หากรัฐบาลไม่เอางบประมาณมาช่วยผลักดันตรงนี้ธุรกิจก็จะนิ่ง รวมถึงการเดินหน้าแก้กฎหมายไทยให้ทันสมัย มีความเป็นสากล เพราะบ้างประเทศที่ค้าขายกับเราก็มีปัญหาเรื่องภาษีอยู่ ซึ่งบ้างประเทศเขาไม่มีแล้ว บ้างอย่างเขาลดไปแล้วแต่ของเรายังสูงอยู่ ทำให้การลงทุนเขามีปัญหา หากเราแก้ตรงนี้ได้ทั้งหมดเขาก็พร้อมที่จะลงทุนกับเรา โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดชุดคุ้มครองครู อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ว่ากำชับมาตลอด พื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนั้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมตรวจค้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชนก็ตายก็บาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทั้งหมดจะลงพื้นที่ซึ่งได้ให้แนวทางไปหมดแล้ว หากอะไรที่ทำแล้วเริ่มมีความก้าวหน้ามันก็ต้องแรงสู้เรา เป็นเรื่องธรรมดา นี่คือการสู้รบในเชิงแย่งชิงประชาชนกลับมา เพราะฉะนั้นเราจะต้องแย่งชิงด้วยการพัฒนา ตั้งงบประมาณต่างๆ แต่ต้องเข้าใจว่ากว่างบประมาณจะออกก็ช้า แต่ฝั่งตรงข้ามยิง 2 วัน สิ่งที่เราเตรียมไว้หวังว่าจะกลับมาก็กลับไปหมด เพราะประชาชนกลัว นี่คือสิ่งที่ฝั่งตรงข้ามทำ เราต้องอย่าไปโฆษณาให้เขา ที่อื่นก็เกิดเหมือนกัน ทั้งหมดมีตั้ง 37 อำเภอ 2,000 กว่าหมู่บ้าน ซึ่งมีหมู่บ้านที่มีความเคลื่อนไหวกว่า 130 หมู่บ้าน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาเอาประชาชนกลับไปไม่ให้ร่วมมือกับรัฐ พอเราจะทำอะไรก็ขัดขวาง เจ้าหน้าที่รัฐไปเขาก็ไม่ให้ความร่วมมือ เมื่อก่อนเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีการยกเท้าให้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วสามารถเข้าไปในพื้นที่ได้หมด เมื่อก่อนเข้าบางหมู่บ้านไม่ได้ วันนี้เข้าได้หมดแล้ว เหลือกว่า 130 หมู่บ้าน จำนวนลดลงไปเรื่อยๆ เหตุจะเกิดในพื้นที่เหล่านี้ เราบีบให้มาอยู่ในนี้ก่อน พอเขาสู้เราก็ใช้การพัฒนาและความเข้าใจเข้าไป ทั้งโครงการพาคนกลับบ้านเข้าไป และพูดคุยไป อย่างไรก็ตาม คนในพื้นที่ขอร้องมาว่าสื่อให้เขียนข่าวให้ชัดเจน หากเขียนว่าภาคใต้ทั้งหมดคนก็ไม่ไปเที่ยวบ้านเขาเลย เขาเดือดร้อน ฉะนั้น เหตุเกิดเฉพาะอำเภอ ไม่กี่ตำบล ไม่กี่หมู่บ้าน เขียนให้ชัด ไม่ใช่เราล้มเหลว เพราะถ้าล้มเหลวป่านนี้มันเสียไปแล้ว เราไม่สามารถที่จะใช้กำลังไปสู้โดยตรงได้ เพราะเขาไม่ได้ถืออาวุธมาสู้กับเรา พอคุณขึ้นรถเขาก็ไปดักคุณอยู่ตรงนู้น กำลังพลที่ลงไปในพื้นที่ทั้งหมดเราวางไว้ดักเส้นทางทุกพื้นที่ ถามว่าทหาร 3-4 หมื่นพื้นที่กี่ตารางกิโลเมตร ไม่ได้วางเฉพาะ 130 หมู่บ้าน แต่วางทั้งหมด 2,000 กว่าหมู่บ้าน เหตุจะเกิดขึ้นตรงไหนเราไม่รู้ ขนาดวางไว้หมดขนาดนี้ยังจับไม่ได้เลย เพราะเขาปลอมปนมากับชาวบ้าน ชาวบ้านถูกล้างสมองมาเราก็ต้องไปเอาเขากลับมา
“สิ่งที่เขาต้องการวันนี้คือ เปิดสื่อทั้งในและต่างประเทศเขาจึงจะชนะเรา มีอย่างเดียวคือ การสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นเพื่อให้รัฐต้องใช้กำลังทหารเด็ดขาดเข้าไปกวาดล้างเต็มรูปแบบ ปะทะกันทั้งหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เมื่อนั้นเสียดินแดน ซึ่งเรายอมไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับการตั้งคณะทำงานเพื่อพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนต้องไปคุยกับผู้นำประเทศด้วย ขณะนี้อยู่ในช่วงการประสานงานรายละเอียด จะพูดคุยอะไรต้องมีขั้นตอน ที่ผ่านมาไม่ชัดเจนเลยทำให้ไม่เกิดความเข้าใจ ไม่เคยใช้คำว่าต้องไปพูดกับขบวนการไหน แต่จะใช้คำว่าพูดคุยกับผู้เห็นต่าง อย่าไปเอ่ยชื่อใครให้เสียหาย แล้วต้องไปศึกษาว่ากฎหมายระหว่างประเทศมีอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่าประเทศไทยจะคิดทำอะไรก็ได้ วันนี้ทุกอย่างต้องทำและเดินตามกฎหมายระหว่างประเทศด้วย ถ้าเราไปเปิดพื้นที่ให้มากถึงแม้บางอย่างจะเป็นเรื่องจริงตนก็ไม่ปฏิเสธ แต่การที่สื่อนำเสนอทำให้เสียหาย ความเชื่อถือก็ไม่เกิด สื่อได้อะไรขึ้นมา ประชาชนก็เสพข่าวไปแล้ว แทนที่ต่างชาติจะเข้าใจและยังฟังบ้างเขาก็จะเชื่อตามที่สื่อนำเสนอไปหมด แล้วมันเสียหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังจะพูดคุยกับนายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ขอพูดถึงกลุ่มไหน ทุกกลุ่ม เพราะมีหลายกลุ่ม ใครที่เกี่ยวข้องจะมากบ้างน้อยบ้าง บางกลุ่มก็มีอำนาจในการสร้างเรื่อง จะสร้างใหญ่สร้างน้อยก็ทำไป ก็กดดันทุกลุ่ม แม้กระทั่งกลุ่มเล็กก็ต้องการเข้ามากลุ่มใหญ่ เมื่อถามว่า นอกจากกลุ่มนายฮัสซัน ตอยิบแล้ว จะยังมีกลุ่มอื่นด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีหลายกลุ่ม ซึ่งจะต้องไปคุยกันมาให้เรียบร้อย เป็นกลุ่มคนไทยเสียส่วนใหญ่
“วันนี้สถานการณ์ดีขึ้น คือองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ไม่ได้ไปพูดจาให้เราเสียหายนั่นคือ สิ่งที่มันดี ตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่าง เขาบอกว่าดีอยู่แล้ว ประเทศมุสลิมด้วยกันก็บอกว่าทำได้ดี ดำเนินการได้ดี เพราะใช้มาตรการที่เหมาะสม และไม่ใช้ความรุนแรงในการกวาดล้าง แต่คนของเรากลับไปบอกว่าเมื่อไรจะไปกวาดล้าง แล้วจะไปกวาดล้างประชาชนอย่างไร ก็ไปไล่จับด้วย พอจับมาแล้วอาจจะช้า เพราะด้วยขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมซึ่งก็ติดตรงนี้ ต้องแก้ทั้งระบบ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีปัญหาการจับบ่อนพนันที่ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่นว่า ขณะนี้กำลังให้เขาสอบอยู่ ทางทหารตนรายงานมา ในเมื่อตำรวจบอกไม่ได้รับรายงานเรื่องการจับกุมก็ต้องไปสอบกันมา ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินการอยู่ อย่าไปเขียนให้ทะเลาะเบาะแว้งกันไม่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังมีกฎอัยการศึกอยู่ แต่การทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจอย่างเช่นเรื่องการจับบ่อนที่ จ.ขอนแก่น ถือว่าเป็นปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เป็นเรื่องเดียวที่มีปัญหา ถ้ายุ่งยากก็ย้ายมันให้หมด ก็หมดเรื่องไป ย้ายสิถ้ามันผิด ถ้าไม่ทำหน้าที่ก็ผิด ต้องถูกย้ายอยู่แล้ว จะไปกังวลอะไรหนักหนา มีอีกตั้งเป็นพันเรื่อง ไม่ได้มีเรื่องบ่อนอย่างเดียว ปลูกป่าก็ทำ ร่วมทำงานกับตำรวจ ตรงนู้นตรงนี้ก็ทำ ไม่เห็นจะมีปัญหา จะเอาเรื่องเล็กๆ มาเป็นเรื่องทั้งหมด ไม่มีเรื่องสักวันไม่ได้หรืออย่างไร”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเสวนา “ถาม-ตอบพลังงาน” เพื่อเสนอแนะทิศทางพลังงานของประเทศ ซึ่งจัดมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าว่า ใครล่ะที่ทำให้ไม่มีความคืบหน้า มีตั้งกี่กลุ่มก็ต้องฟังเขาบ้าง จะไปเถียงกันอย่างไร แล้วใครจะจบ อย่าไปคิดว่า 2 ครั้งจบ เป็น 100 ครั้ง การพูดคุยกันเจรจาสันติภาพ 2 ครั้งก็ไม่จบ เรื่องนี้มันฝังหัวแล้ว ตนรู้ว่าใครเป็นอย่างไร รู้ว่าใครสำคัญอย่างไร แต่ถ้าไปพูดก็กลายเป็นพูดเข้าข้าง ปตท. แล้วอีกทางก็จะมาเล่นงานตน แบบนี้จะไม่จบสักที เลยบอกให้ไปคุยกันให้รู้เรื่อง ไปตั้งโจทย์ให้เขาได้พูดคุยกัน แต่พอเขาพูดอีกฝั่งก็ไม่ฟังที่เขาจะพูดตั้งแต่ต้นเหมือนเดิม แล้วจะต้องไปพูดกันกี่ครั้ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีการเสียแชมป์ส่งออกข้าวของไทยว่า ไม่เสียแชมป์ ตอนนี้เราเป็นแชมป์อยู่แล้ว ราคาข้าวตกทั้งโลก กำลังทำอยู่ว่าจะขึ้นอย่างไร เป็นเรื่องใหญ่
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการตรวจสอบสต๊อกข้าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ตอนนี้กำลังสรุปอยู่ รัฐมนตรีกำลังรวบรวมอยู่ เรื่องคดีก็เรื่องคดี เรื่องตรวจสอบคลังก็เรื่องตรวจสอบคลัง มันจะเอากันให้ตายให้ได้เลยใช่ไหม เดี๋ยวก็ออกเองแหละ มันไม่ตายวันนี้ก็ตายวันหน้า ไม่ติดคุกวันนี้ก็ติดวันหน้า ก็มีแค่นี้แหละคน มนุษย์ ผมจะตายเร็วเพราะโมโหนี่แหละ”
