xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ลากยาวอัยการศึก เหมารวมทุกกลุ่ม ขัดแย้งกระทบมั่นคง!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ความหมายก็คือเขาจะอยู่ตรงกลาง เป็นกลางไม่เข้าข้างใคร ยังรักษาแนวทางเดิมๆที่ผ่านมานั่นคือ เห็นว่าที่ผ่านมามีความ “ขัดแย้ง” ทำให้เดินต่อไปไม่ได้ จึงต้องเข้ามาขวางไม่ให้ตีกัน เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายมีปัญหาแล้วเขาต้องการให้จับมือกันเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ นี่คือต้นเหตุของปัญหาบ้านเมือง และปัญหาความมั่นคงในแบบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ยืนยันออกมาอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่ายังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกในระยะอันใกล้นี้ ไม่ว่าจะเป็นบางพื้นที่ที่ไม่มีจุดอ่อนไหว รวมไปถึงพื้นที่ท่องเที่ยวตามเสียงเรียกร้องของผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวก่อนหน้านี้ โดยเขาให้เหตุผลว่ายังต้องเน้นรักษาความมั่นคงภายในเอาไว้ต่อไป เนื่องจากยังมีการเคลื่อนไหวต่อต้านทั้งบนดินใต้ดินในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะมาในด้านโซเชียลมีเดีย การปลุกระดมยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า ได้เตรียมมาตรการในการแก้ปัญหาเพื่อลดผลกระทบจากการคงกฎอัยการศึกจากกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่มีบริษัทประกันภัยรับทำประกันภัยหากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศที่ยังมีกฎอัยการศึก ว่าจะมีการตั้งกองทุนจำนวน 200 ล้านบาท เพื่อชดเชยหากมีการประสบเหตุระหว่างที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว การไม่ยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกย่อมมีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจทั้งการลงทุน และการท่องเที่ยวจากตลาดในแถบประเทศทางตะวันตกอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

แต่ขณะเดียวกัน เมื่อมีการชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบกันแล้วก็ต้องเลือกรักษาความมั่นคงภายในเอาไว้ก่อน เพราะรู้ดีว่าหากมีการยกเลิกกฎหมายพิเศษดังกล่าวเมื่อใดก็จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองโดยเฉพาะเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ในหลายรูปแบบที่เวลานี้ “แกล้งตาย” หรือซุ่มซ่อนเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดินก็จะฉวยโอกาสขึ้นมาเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยทันที ที่ผ่านมาก็มักใช้วิธีตอดเล็กตอดน้อยใช้พื้นที่สื่อมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

แต่ที่น่าจับตาท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือ เขามองทุกกลุ่มการเมืองเป็นภัยกับความมั่นคง ความหมายก็คือมองแบบเหมารวมว่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองกลุ่มไหนก็ตามหากปล่อยให้มีการเคลื่อนไหวย่อมมีผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะในการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาโดยตอบคำถามว่า “ตอนนี้กำลังจับตามองอยู่ทุกกลุ่ม ทุกพวก” ทั้งใต้ดินบนดิน ในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

ในทัศนะของเขามองว่า “ต้องหยุดความขัดแย้งให้ได้แล้วมาพูดคุยกัน” พร้อมกับยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้อยู่ข้างใคร ดังนั้นความหมายก็คือ กลุ่มที่สร้างความขัดแย้งและมีปัญหาในบ้านเมืองเวลานี้ไม่ใช่มีแค่กลุ่มของทักษิณ ชินวัตร กลุ่มเดียว ยังมีกลุ่มอื่นซึ่งในความเป็นจริงก็ย่อมหมายรวมถึงกลุ่มที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งในชื่อเรียกว่า กปปส.รวมทั้ง กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาแต่เดิมด้วย หรือแม้แต่กลุ่มสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีข้อยกเว้น อยู่ในระนาบเดียวกันว่าเป็นพวกสร้างความขัดแย้งในบ้านเมือง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เรียกร้องให้หยุดสร้างความขัดแย้งได้แล้ว

สรุปให้กระชับกันเข้ามาก็คือ ทุกกลุ่มการเมืองหรือกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวในเวลานี้กำลังสร้างความขัดแย้งในบ้านเมือง มีผลกระทบต่อความมั่นคง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งดังกล่าวเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ และร่วมกันปฏิรูปการเมืองกันได้

ความหมายก็คือเขาจะอยู่ตรงกลาง เป็นกลางไม่เข้าข้างใคร ยังรักษาแนวทางเดิมๆที่ผ่านมานั่นคือ เห็นว่าที่ผ่านมามีความ “ขัดแย้ง” ทำให้เดินต่อไปไม่ได้ จึงต้องเข้ามาขวางไม่ให้ตีกัน เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายมีปัญหาแล้วเขาต้องการให้จับมือกันเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ นี่คือต้นเหตุของปัญหาบ้านเมือง และปัญหาความมั่นคงในแบบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แน่นอนว่ารัฐบาลชุดนี้ให้น้ำหนักกับเรื่องความมั่นคงในแบบดังกล่าว ในลักษณะของทหารที่ต้องมีความเข้มงวดมากเป็นพิเศษ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าเป็นการมองปัญหาที่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะนี่คือการเหมารวมว่ามีปัญหาเหมือนกันหมด ไม่ใช่เรื่องของการละเมิดกฎหมาย การทุจริตเอาเปรียบสังคม ขณะเดียวกันก็ต้องรอดูปฏิริยาย้อนกลับว่าจะรับได้แค่ไหนด้วย เพราะเชื่อว่านับจากไปภายในสองสามเดือนข้างหน้ารัฐบาลจะต้องเจอกับการเคลื่อนไหวตามมา แม้ว่าจะพยายามกดเอาไว้แค่ไหนก็ตาม!
กำลังโหลดความคิดเห็น