พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ถึงกรณีที่เริ่มมีการต่อต้านทั้งโดยเปิดเผยและทางลับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นตามลำดับว่า มีการกล่าวให้ร้ายกันทางโซเชียลมีเดียกันมากพอสมควร อยากจะขอร้องช่วยกันลืมตาให้กว้าง ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ว่าเราแต่ละคนมีหน้าที่อย่างไร ต้องทำอย่างไรเพื่อร่วมกันทำให้ประเทศชาติไทยของเราเดินหน้าต่อไปให้ได้
หากทุกคนจะรออย่างเดียวว่าเมื่อไรเราจะยกเลิกกฎอัยการศึก ยกเลิกกฎหมายพิเศษ เพื่อจะได้มีการเคลื่อนไหวต่อไป ผมคิดว่าเราปฏิรูปไม่ได้แน่นอน เป็นหน้าที่ของผม ของคณะรัฐบาลที่จะพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง เราเข้าใจดีถึงปัญหาในเรื่องนี้ เราก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด ถ้าท่านคิดว่าอยากให้เราดำเนินการต่อไปได้ด้วยดี ท่านก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นการต่อต้าน หรือเป็นการแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่สร้างความขัดแย้ง ถ้าท่านติเพื่อก่อ หรือว่าติดตามดูแลกำกับเสนอข้อเสนอแนะที่จำเป็นที่สำคัญ ผมรับได้ทุกเรื่อง แต่อย่าทำให้เกิดข้อขัดแย้งหรือนำปัญหาเก่า ๆ มาพูดกันใหม่อีก เรื่องเดิม ๆ ก็ต้องแก้กันไปด้วยกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมไป เพราะฉะนั้นถ้าเรานำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเรื่องเก่าทั้งหมดมาจับผิดจับถูกกันในวันนี้ ยังมาพูดให้ร้ายซึ่งกันและกัน โดยไม่ปล่อยให้กระบวนการทางกฎหมายเขาทำไปแล้ว เราทำงานไม่ได้หรอกครับ หรือทำได้ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ทุกคนก็จะออกมาต่อสู้กันอีก มีความขัดแย้งกันอีกแล้วประเทศชาติเราจะสงบสุขได้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่ายกตัวอย่างง่าย ๆ กรณีผมเองก็มีการถูกบิดเบือนในโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีปลอมเอกสารหัว – ท้าย มีลายเซ็นผมเอง ข้อความภายในท่านก็คิดแล้วกันว่าจริงหรือไม่จริงวันนี้ธนาคารก็มาชี้แจงแล้วว่าผมไม่เคยมีบัญชีเงินฝากเหล่านั้น มีการบอกผมให้สั่งการให้ปกปิดเงินผมน้องชายผม2หมื่นกว่าล้าน ผมคงไม่มีใครบ้าไปเป็นอย่างนั้น ทำอย่างนั้นคงไม่ใช่ ถ้าเรามีเงินขนาดนั้นจริง ก็ดีผมจะได้นำเงินมาใช้หนี้ให้พ่อแม่พี่น้อง หรือสร้างอะไรให้เป็นประโยชน์ เป็นประวัติศาสตร์ให้กับแผ่นดินนี้บ้าง ให้สมกับที่เราเกิดมาบนแผ่นดินนี้ ใครรวยก็ต้องทำแบบนั้น เผอิญผมยังไม่รวยขนาดนั้น ธนาคารเองก็ทราบดี ตอนนี้ก็ทราบว่าธนาคารก็ออกมาชี้แจงแล้ว ช่วยกันดูด้วยว่าเรื่องต่าง ๆ พูดจริงบ้าง เท็จบ้างอะไรต่าง ๆ ผมคิดว่าผมเกรงว่าบางคนก็จะเชื่อ ถ้าผมไม่พูดเลยก็เป็นอย่างนี้ไปตลอด”
หากทุกคนจะรออย่างเดียวว่าเมื่อไรเราจะยกเลิกกฎอัยการศึก ยกเลิกกฎหมายพิเศษ เพื่อจะได้มีการเคลื่อนไหวต่อไป ผมคิดว่าเราปฏิรูปไม่ได้แน่นอน เป็นหน้าที่ของผม ของคณะรัฐบาลที่จะพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง เราเข้าใจดีถึงปัญหาในเรื่องนี้ เราก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด ถ้าท่านคิดว่าอยากให้เราดำเนินการต่อไปได้ด้วยดี ท่านก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นการต่อต้าน หรือเป็นการแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่สร้างความขัดแย้ง ถ้าท่านติเพื่อก่อ หรือว่าติดตามดูแลกำกับเสนอข้อเสนอแนะที่จำเป็นที่สำคัญ ผมรับได้ทุกเรื่อง แต่อย่าทำให้เกิดข้อขัดแย้งหรือนำปัญหาเก่า ๆ มาพูดกันใหม่อีก เรื่องเดิม ๆ ก็ต้องแก้กันไปด้วยกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมไป เพราะฉะนั้นถ้าเรานำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเรื่องเก่าทั้งหมดมาจับผิดจับถูกกันในวันนี้ ยังมาพูดให้ร้ายซึ่งกันและกัน โดยไม่ปล่อยให้กระบวนการทางกฎหมายเขาทำไปแล้ว เราทำงานไม่ได้หรอกครับ หรือทำได้ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ทุกคนก็จะออกมาต่อสู้กันอีก มีความขัดแย้งกันอีกแล้วประเทศชาติเราจะสงบสุขได้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่ายกตัวอย่างง่าย ๆ กรณีผมเองก็มีการถูกบิดเบือนในโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีปลอมเอกสารหัว – ท้าย มีลายเซ็นผมเอง ข้อความภายในท่านก็คิดแล้วกันว่าจริงหรือไม่จริงวันนี้ธนาคารก็มาชี้แจงแล้วว่าผมไม่เคยมีบัญชีเงินฝากเหล่านั้น มีการบอกผมให้สั่งการให้ปกปิดเงินผมน้องชายผม2หมื่นกว่าล้าน ผมคงไม่มีใครบ้าไปเป็นอย่างนั้น ทำอย่างนั้นคงไม่ใช่ ถ้าเรามีเงินขนาดนั้นจริง ก็ดีผมจะได้นำเงินมาใช้หนี้ให้พ่อแม่พี่น้อง หรือสร้างอะไรให้เป็นประโยชน์ เป็นประวัติศาสตร์ให้กับแผ่นดินนี้บ้าง ให้สมกับที่เราเกิดมาบนแผ่นดินนี้ ใครรวยก็ต้องทำแบบนั้น เผอิญผมยังไม่รวยขนาดนั้น ธนาคารเองก็ทราบดี ตอนนี้ก็ทราบว่าธนาคารก็ออกมาชี้แจงแล้ว ช่วยกันดูด้วยว่าเรื่องต่าง ๆ พูดจริงบ้าง เท็จบ้างอะไรต่าง ๆ ผมคิดว่าผมเกรงว่าบางคนก็จะเชื่อ ถ้าผมไม่พูดเลยก็เป็นอย่างนี้ไปตลอด”