อดีต ส.ส.ปชป.งัดคำปราศรัยแกนนำเสื้อแดง ยืนยันมีชายชุดดำจริง หลังออกมาปฏิเสธพัลวัน เตือนพวกที่เหลือรีบมอบตัวก่อนถูกฆ่าตัดตอน แนะขยายผลเส้นทางการเงิน สาวถึงจอมบงการ พร้อมเรียกร้องดีเอสไอรื้อคดี “ทักษิณ” ก่อการร้าย จากหลักฐานใหม่ หวัง คสช.เดินหน้าคืนความเป็นธรรมให้สังคม ด้าน "ถาวร" ย้ำมีข้อมูลชุดดำสารภาพ แต่รอเปิดพิทักษ์ "มาร์ค - เทือก" ขึ้นศาล
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชายชุดดำที่ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ว่า ต้องขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.ที่ทำหน้าที่สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ดำเนินการจับกุมชายชุดดำจากเหตุการณ์ความไม่สงบในปี 2553 แต่การที่แกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังออกมาปฏิเสธเสมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้า จึงอยากให้แกนนำเสื้อแดงยอมรับความจริง และกฎแห่งกรรมที่ทำไว้ซึ่งเหตุการณ์ในปี 2553 ได้ทำให้เกิดความสูญเสียจากทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน
นายวัชระกล่าวว่า คนที่ยืนยันได้ดีที่สุดว่ามีชายชุดดำหรือไม่ คือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เนื่องจากเป็นคนเรียกร้องให้ประชาชนมาชุมนุม และปราศรัยขอบคุณชายชุดดำในวันที่ 10 เมษายน 2553 ที่เวทีผ่านฟ้า หลังมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร โดยระบุว่า “ต้องขอบคุณชายชุดดำ ถ้าไม่มีพวกเขาพวกเราคงตายมากกว่านี้เยอะ” โดยคนที่บันทึกข้อความดังกล่าวคือนักข่าวจากเดอะเนชั่นที่ถ่ายทอดเรื่องนี้ไว้ในหน้า 59 ของหนังสือ “คนข่าวหลังม่านม็อบราชประสงค์ หน้าที่และชีวิต” นอกจากนี้ นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ยังกล่าวแสดงความชื่นชมชายชุดดำด้วยว่าเข้ามาช่วยชีวิตคนเสื้อแดงเอาไว้
“ทั้งนายจตุพร และ นพ.เหวง บอกชัดว่ามีชายชุดดำในคืนวันที่ 10 เม.ย. 2553 ขณะที่แกนนำอีกหลายคน เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็เคยปราศรัยให้เผาทั่วประเทศ ผมรับผิดชอบเอง คนเสื้อแดงขี้ตกใจวิ่งเข้าห้างหากระเป๋าแบรนด์เนม ทั้งหมดนี้คือคำยืนยันว่าชายชุดดำมีจริง และมีการก่อให้เกิดความรุนแรงเผาบ้าน ผาเมือง เป็นการปลุกระดมให้ประชาชนต่อสู้อ้างว่าทำเพื่อประชาธิปไตย ผมอยากเตือนไปถึงชายชุดดำให้ระวังการฆ่าตัดตอน ขอให้รีบมอบตัวก่อนที่จะสายเกินไป และวิงวอนให้มอบตัวต่อตำรวจให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม สารภาพและเปิดโปงผู้ที่อยู่เบื้องหลังชายชุดดำเพื่อให้ได้รับการบรรเทาโทษในชั้นศาลต่อไป”
นายวัชระกล่าวด้วยว่า ควรจะมีการขยายผลสำนวนก่อการร้ายของดีเอสไอที่ส่งถึงอัยการสูงสุด ที่ระบุชัดเจนว่ามีชายชุดดำเข้าร่วมปฏิบัติการในวันดังกล่าว ซึ่งคนที่ลงนามคือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ แต่มากลับลำในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าไม่มีชายชุดดำ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องไปยัง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร อธิบดีดีเอสไอ ให้รื้อสำนวนใหม่เพื่อหาตัวผู้บงการอย่างแท้จริง เนื่องจากในสมัยนายธาริตมีการเป่าคดีให้กับผู้ต้องหาบางคน ตนมั่นใจว่าสามารถรื้อคดีที่อัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้องคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหาก่อการร้ายได้ เนื่องจากมีหลักฐานใหม่เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่ระบุว่ามีการโอนเงินจาก น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือ “สหายสุดซอย” ไปยังชายชุดดำที่ถูกจับกุม ดังนั้นจึงควรขยายผลเรื่องนี้เพื่อสาวไปถึงต้นตอของผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับชายชุดดำ
“ถ้าตำรวจและดีเอสไอดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ผมเชื่อว่าผู้บงการที่อยู่ต่างประเทศจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายในที่สุด ไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหน คสช.ก็ต้องดำเนินการตรงไปตรงมาในทุกเรื่องเพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นว่าไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง” นายวัชระ กล่าว
ด้านนายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยและอดีตแกนนำ นปช.ดาหน้าออกมาตอบโต้หลังเปิดเผยยืนยันเรื่องกองกำลังชายชุดดำติดอาวุธสร้างสถานการณ์ล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเมื่อปี2553ว่าเป็นการปั้นข่าวว่า ตน ขอให้ดูตัวอย่างที่เป็นความจริงในอดีต จากการที่นายสุขสันต์ ไชยเทศ อดีตผอ.พรรคพัฒนาชาติไทยและนายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคเดียวกัน ถูกหักหลักจากพรรคไทยรักไทยจนกระทั่งทนไม่ได้จึงนำข้อมูลมาบอกตนและได้ใช้ข้อมูลดังกล่าวนี้ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญจนกระทั่งมีการยุบพรรคไทยรักไทย
“ ฉันใดก็ฉันนั้น นักการเมืองในระบอบทักษิณ เมื่อรับเงินจากนายใหญ่มาว่าจ้างให้คนอื่นทำงานแล้ว มีการอมเงิน ชักหัวคิวกรณีชายชุดดำก็เช่นกันคือ รับเงินจากนายใหญ่แล้วอมเงินหรือหักหลังลูกน้องที่เป็นชายชุดดำ จนส่วนหนึ่งทนไม่ไหวจึงนำเรื่องนี้มาเปิดโปง ก่อนหน้านี้ชายชุดดำคนหนึ่งชื่อนายยืนยง แปน้อย ถูกอุ้มไปเมื่อวันที่ 4 ต.ค.53 และนำไปฆ่าที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี กรณีที่ 2 ชายชุดดำคนหนึ่งถูกยิงที่ อ.สันกำแพง จ. เชียงใหม่เมื่อประมาณ 4 – 5 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง 2 กรณีจึงเป็นบทเรียนที่ผมจะต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพื่อต้องการรักษาชีวิตของน้องๆ ทั้ง 4 คนนี้เอาไว้ และยืนยันกับน้องทั้ง 4 คนว่า ไม่ต้องตกใจว่าผมจะเปิดเผย ส่วนกรณีที่แกนนำเสื้อแดงบางคนออกมาบีบให้ผมเปิดเผยความลับเพราะ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการฆ่ากันเอง ต้องการยืมมือไปคิดบัญชีกับคนบางคนในกลุ่มพวกเขา แต่วิธีการนี้ไม่สามารถเอาความลับจากผมได้ แต่ผมจะเปิดเผยแน่นอนเมื่อจำเป็นต้องใช้ข้อมูลนี้ในศาลเมื่อนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ถูกดำเนินคดี”นายถาวร กล่าว