รมต.สำนักนายกฯ แจงแบ่งงาน “สุวพันธุ์” ดูความมั่นคง ตัวเองอาจดูสื่อ สรุปสต็อกข่าวปลายเดือน ข้าวมีคุณภาพ 20% เผยนายกฯ เร่งปราบโกง ชี้ความโปร่งใสวัดอายุ รบ. มอบ คตร.สอบไมค์แพง เชื่อไม่มีใครกล้าทำไม่ดี พร้อมกาวใจไม่อยากเห็น ขรก.ขัดกันเอง ปัดโบ้ยไปมา ขอให้รอผลสอบ ชี้ 17 ก.ย. นายกฯ ประชุมมอบนโยบาย เชื่อขับเคลื่อนงานเต็มที่พรุ่งนี้
วันนี้ (14 ก.ย.) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงการแบ่งงาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายงานตามความชำนาญการ ซึ่งในส่วนของนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีความชำนาญด้านการข่าวกรอง และความมั่นคง ก็จะดูแลงานด้านนี้ ส่วนการดูแลสื่อเป็นหน้าที่ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว โดยตนอาจจะได้เข้ามากำกับดูแล แต่ทั้งนี้ในต้นสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจน
ม.ล.ปนัดดายังได้กล่าวถึงการตรวจสต๊อกข้าวว่าจะมีผลสรุปออกมาในปลายเดือนนี้ และจากการสำรวจพบว่า กว่า 20% ข้าวยังมีคุณภาพ ส่วนข้าวที่ไม่ได้คุณภาพนั้นก็ยังสามารถนำมาปรับปรุงมาตรฐานได้ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำทุกครั้งในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด เพราะรัฐบาลจะอยู่รอดหรือไม่ ความโปร่งใสต้องมาเป็นอันดับแรก เช่น การตรวจสอบราคาไมค์ในห้องประชุม ครม.ที่ตึกบัญชาการ ล่าสุดมีการมอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร. เข้ามาตรวจสอบ ทั้งนี้ในทำเนียบรัฐบาลมีหลายหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ย้ำทุกครั้งเรื่องความสุจริต ซื่อตรง โปร่งใส แม้ในการประชุม ครม.นอกรอบ เชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำเรื่องไม่ดี แต่ยังมีหน่วยงานอื่นซึ่งเป็นธรรมดาที่จะมีปัญหาเกิดขึ้น โดยส่วนตัวพร้อมที่จะมีบทบาทในการไกล่เกลี่ย และไม่อยากเห็นหน่วยงานราชการมาขัดแย้งกันเอง แต่ต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพ
“ยืนยันไม่ได้ปัดความรับผิดชอบไปให้กับหน่วยงานใด หรือโยนเรื่องกันไปมา แต่ขอให้รอการตรวจสอบต่อไป และให้สังคมรอสักระยะความจริงจะปรากฎทั้งหมด นอกจากนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช. ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างแต่อย่างใด” ม.ล.ปนัดดากล่าว และว่า ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งแรกนั้นก็เพื่อชี้แจงนโนบายและมอบหมายงาน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ และเชื่อว่าทุกส่วนจะขับเคลื่อนงานเต็มที่ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป