กกต.ยุติสอบ “วิสาร” เหตุพ้นตำแหน่ง รมต. ส่วนทัวร์นกขมิ้น “ปู” ใกล้เสร็จ

กกต. ยุติสอบความเป็น รมต. ของ “วิสาร” ปมคู่สมรสถือหุ้นเงิน 5% เหตุเจ้าตัวพ้นตำแหน่งแล้ว ขณะเดียวกัน สั่งเลือกตั้งใหม่ นายก สมาชิก อบต.ป่าคา น่าน พร้อมดำเนินคดี กรรมการประจำหน่วยฯ ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้คุณ ให้โทษผู้สมัคร ส่วนการสอบทัวร์นกขมิ้น “ยิ่งลักษณ์” คาดใกล้เสร็จเร็วๆ นี้



นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย แถลง ว่า ที่ประชุม กกต. มีมติยุติเรื่องไต่สวนและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้พิจารณาสถานะความเป็นรัฐมนตรีของ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ขณะดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ว่า กระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 269 หรือไม่ จากการที่คู่สมรสถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เนื่องจาก กกต. พิจารณาแล้วเห็นว่าขณะนี้ นายวิสาร ได้สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว ดังนั้น จึงทำให้ไม่มีเหตุที่ กกต. ต้องดำเนินการพิจารณา และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะความเป็นรัฐมนตรีอีก

นอกจากนี้ ที่ประชุม กกต. ยังมีมติให้สั่งเลือกตั้งใหม่นายก และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคา เขต 5 อ.ท่าวังผา จ.น่าน พร้อมกับสั่งดำเนินคดีอาญากับกรรมการประจำหน่วยด้วย เนื่องจากพบว่ากรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ และกระทำการอันเป็นคุณเป็นโทษแก่ผู้สมัคร เนื่องจากยินยอมให้บุคคลอื่นจำนวนหลายรายเข้าลงลายมือชื่อใช้สิทธิเลือกตั้งแทนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยหลังจากนี้ กกต. จะยกร่างและส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาต่อไป

ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาสอบสวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 9 คน กรณีกระทำการขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งจากการเดินทางไปตรวจราชการที่พื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทัวร์นกขมิ้น ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนซึ่งเบื้องต้นทางคณะกรรมการสืบสวนฯได้มีการทยอยเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว รวมทั้งเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะใกล้แล้วเสร็จในเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า กระบวนการสอบสวนคำร้องดังกล่าว ทาง กกต. จะไม่ไปก้าวล่วง โดยจะเปิดโอกาสให้คณะกรรมการสอบสวนฯได้มีอำนาจพิจารณาอย่างเต็มที่ เนื่องจากบางสำนวนการพิจารณาจะเร็วหรือช้านั้นก็ขึ้นอยู่กับเอกสาร และพยานหลักฐานว่ามีความครบถ้วนหรือไม่อย่างไร

รองเลขา กกต. กล่าวว่า ขณะนี้ กกต. ยังเหลือสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แบ่งเป็นสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 57 จำนวน 8 สำนวน สำนวนคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ว. เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 57 จำนวน 17 สำนวน และสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งท้องถิ่น จำนวน 269 สำนวน