xs
xsm
sm
md
lg

“สิงห์ทอง” ท้าประหาร “ปู” หากโกงข้าว ดักอย่าใช้อำนาจพิเศษ-เผย “ไปป์” เรียน ตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สิงห์ทอง บัวชุม ทีมกฏหมายพรรคเพื่อไทย(แฟ้มภาพ)
ทีม กม.เพื่อแม้ว เผย “น้องไปป์” ลาออก ร.ร.อินเตอร์ไปเรียนที่อังกฤษ แจงไปเรียน ปชต.แบบ “มาร์ค” บอก “ปู” คงไม่บินตาม อยู่สู้คดีและเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม โวมีสัจจะไม่หนี ดักอย่าใช้อำนาจพิเศษ แขวะองค์กรอิสระบางองค์กรเร่งคดีต่างจาก ป.ป.ช. เกาะติด อสส.ฟ้องหรือไม่ โบ้ยโกงจากพ่อค้า โรงสี รบ.ไม่เกี่ยว ท้าผิดจริงให้ประหาร

วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิงห์ทอง บัวชุม คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ลาออกจากโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ (Harrow) ย่านดอนเมืองแล้ว เพื่อเตรียมย้ายไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ขออนุญาตคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) ไปพักผ่อนต่างประเทศเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แวะเข้าเยี่ยมและเตรียมความพร้อมเรื่องสถานศึกษาให้แก่บุตรชายด้วย แต่ตนไม่ทราบว่า ด.ช.ศุภเสขกข์เข้าศึกษาที่โรงเรียนหรือสถาบันใด

“น้องไปป์คงไปเรียนรู้เรื่องประชาธิปไตย เหมือนคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยืนยันไปเรียนอังกฤษแน่นอน เนื่องจากการเรียนในไทยคงไม่สะดวกหลายอย่าง ทั้งเพื่อนๆ ร่วมโรงเรียนและคนรอบข้าง ทั้งนี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์คงไม่เดินทางไปอยู่กับน้องไปป์ขณะเรียนที่ต่างประเทศ และยังไม่กำหนดแผนการเดินทางไปต่างประเทศแต่อย่างใด หากจะไปก็ต้องขออนุญาต คสช.” นายสิงห์ทองกล่าว

นายสิงห์ทองกล่าวด้วยว่า เวลานี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะยังคงอยู่เมืองไทย ยังสู้เรื่องคดีความต่างๆ เพราะยังเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.บอกไว้ว่าการดำเนินการให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติ ไม่ใช้อำนาจพิเศษอะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ยังเชื่อมั่นตรงนั้น

“ขออย่าใช้อำนาจพิเศษ หรือมีธง เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นได้ในอนาคต” นายสิงห์ทองระบุ

สำหรับการต่อสู้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โครงการรับจำนำข้าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนมาที่อัยการสูงสุดนั้น นายสิงห์ทองกล่าวว่า การดำเนินการร้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมแบบปกติ ไม่ใช่การเร่งรัดเหมือนกรณีการตัดสินขององค์กรอิสระบางองค์กร ซึ่งต้องรอทางอัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องหรือไม่ หรือจะใช้เวลาพิจารณาเพิ่มเติมอีก ขั้นตอนนี้ทีมทนายความจะติดตามและดำเนินการตามขั้นตอน ฉะนั้นยังมีเวลาอีก ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.จะฟ้องเองก็เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมที่จะเข้าสู้กระบวนการยุติธรรม ยืนยันแบบนั้นมาตลอด

“นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นคนมีสัจจะ รักษาสัญญา ขออนุญาต คสช.เดินทางไปต่างประเทศก็กลับมาตามสัญญา วันนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องหนี นายกฯ ยิ่งลักษณ์ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ต้องสู้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีทางที่จะหนีคดีแน่นอน ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ในกระบวนการยุติธรรมขอให้เป็นเรื่องความยุติธรรม ความเสมอภาค ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่น ไม่ใช่อีกฝ่ายหนึ่งทำอะไรไม่ผิดเลย” นายสิงห์ทองกล่าว

นายสิงห์ทองกล่าวอีกว่า สำหรับการเดินทางมายื่นเรื่องต่อ คสช.ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ให้กำลังใจมา และมั่นใจเต็มร้อยว่าตัวเองบริสุทธิ์เพราะเป็นเรื่องนโยบายของรัฐ แต่ถ้ากรณีมีขั้นตอนการทุจริตคอร์รัปชันจากการที่พ่อค้านายทุน โรงสีหมุนข้าวออกไปแล้วนำกลับมาไม่ทัน อันนั้นเป็นเรื่องความผิดส่วนบุคคลไม่ใช่รัฐบาลมีความผิด และวันนี้ที่ ป.ป.ช.ชี้ไม่ใช่เรื่องทุจริต แต่เป็นกรณีที่ผิดมาตรา 157 หาก คสช.หรือ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีความจริงใจจริงจังต่อการแก้ปัญหาคอร์รัปชันก็ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด ไม่ต้องลดหย่อนผ่อนโทษ อยากให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าแผ่นดินสูงขึ้น

“ถ้านายกฯ ยิ่งลักษณ์ทุจริตจริง ประหารชีวิตเลย แต่ขอให้มีความเป็นธรรม เราอยากให้การทุจริตคอร์รัปชันหมดไปจากประเทศไทย แต่เพราะปัญหาระบบอุปถัมภ์ จึงได้เกิดปัญหาสะสมมาอย่างยาวนาน ทั้งนายทุนและนักการเมืองบางส่วน” นายสิงห์ทองกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น