อัยการสูงสุด ยังไม่ฟ้องอดีต "นายกปู" ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ฐานละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการทุจริตรับจำนำข้าว ชี้ 3 ประเด็นบกพร่องในสำนวนไต่สวนของป.ป.ช. สั่งตั้งคณะทำงานร่วมอัยการ-ป.ป.ช. หาข้อยุติการฟ้องคดี ด้าน"ทีมทนายปู" โวมาถูกทาง แต่ป.ป.ช.ตัดทิ้ง 3 ประเด็นสู้โกงจำนำข้าว ยัน"ยิ่งลักษณ์" ไม่ผิด ไม่หนี หลุดปากถ้าทุจริตให้ประหารชีวิตเลย เผย"น้องไปป์"ลาออกจากโรงเรียนเดิมแล้ว เตรียมไปเรียนที่อังกฤษ
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (4 ก.ย.) นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวความคืบหน้าในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวน พร้อมมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เรื่องละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ จากกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบากทว่า ทางนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ได้พิจารณาสำนวนที่ ป.ป.ช.ได้ส่งรายงานการไต่สวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว กรณีกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้ว โดยมีความเห็นว่า ยังมีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดี ตามข้อกล่าวหา ดังนี้
1. ประเด็นเรื่องโครงการรับจำนำข้าว เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้เป็นนโยบาย ต่อรัฐสภา ดังนั้นจึงควรรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้ความชัดว่า นายกรัฐมนตรี มีอำนาจในการที่จะยับยั้งโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา หรือไม่
2. ประเด็นเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ควรทำการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานให้สิ้นกระแสความว่า ภายหลังจากที่โครงการรับจำนำข้าว ได้ถูกท้วงติงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ผู้ถูกกล่าวหา ได้ดำเนินการตรวจสอบและป้องกันการทุจริตหรือไม่ และผลการตรวจสอบ เป็นอย่างไร
3. ประเด็นเรื่องการทุจริต ควรไต่สวนพยานเพิ่มเติม ให้ได้ความว่าโครงการรับจำนำข้าวที่ยืนยันว่ามีการทุจริตนั้น พบการทุจริตในขั้นตอนใด และมีการทุจริตอย่างไร นอกจากนี้มีการกล่าวอ้างถึงรายงานการวิจัยโครงการรับจำนำข้าว ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)ว่า โครงการดังกล่าวมีการทุจริต และมีความเสียหายจำนวนมาก แต่ในสำนวนการไต่สวนปรากฏว่า มีเพียงหน้าปกรายงานการวิจัยเท่านั้น จึงให้รวบรวมรายงานการวิจัยทั้งฉบับ เป็นพยานหลักฐานในสำนวนให้สมบูรณ์
โดยอัยการได้แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบแล้ว พร้อมมีคำสั่งตั้งผู้แทนอัยการสูงสุด จำนวน 10 ท่าน เป็นคณะทำงานร่วมกับป.ป.ช. เพื่อหาข้อยุติการฟ้องคดีต่อไป
*** ตั้งคณะทำงานร่วมป.ป.ช.-อสส.
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.รับทราบเรื่องที่อัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ซึ่งทาง ป.ป.ช. ต้องรอการประสานจากคณะทำงานของอัยการสูงสุดก่อน และนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมอีกครั้ง เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมของ ป.ป.ช. โดยมีจำนวนเท่ากับอัยการสูงสุด จากนั้นคณะทำงานร่วมที่ตั้งขึ้นมาจะมีเวลา 14 วัน ในการพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่ไม่สมบูรณ์ ให้สมบูรณ์และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องอีกครั้ง แต่หากอัยการสูงสุดมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง ก็จะส่งเรื่องกลับมายัง ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. จะพิจารณาว่าจะส่งฟ้องเองหรือไม่อย่างไร หากคณะทำงานร่วม ไม่สามารถดำเนินการสั่งฟ้องได้ภายใน 14 วัน เนื่องจากพยานหลักฐานมีมาก ก็สามารถสั่งฟ้องได้ภายในกำหนดอายุความ ซึ่งตามมาตรา 157 กำหนดอายุความไว้ 15 ปี
** "ทีมทนายปู"โวสู้ถูกทาง แต่ป.ป.ช.ตัดทิ้ง
ด้านนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษากฎหมาย ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การชี้แจงข้อไม่สมบูรณ์ใน 3 ประเด็น ของอัยการสูงสุด เป็นสิ่งที่ทีมทนายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อสู้ไปแล้วครบถ้วนทุกประเด็น เพียงแต่ถูกป.ป.ช.ตัดทิ้งไป
ประเด็นที่ 1 เรื่องโครงการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลได้แถลงไว้เป็นนโยบายต่อรัฐสภา อัยการสูงสุดชี้ว่า จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการยับยั้งโครงการได้หรือไม่ ตรงนี้เป็นข้อต่อสู้ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุไว้ในสำนวนตลอด แต่ป.ป.ช.ไม่เคยไต่สวนเลย
ประเด็นที่ 2 การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ควรจะต้องไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานว่า ภายหลังที่ ป.ป.ช.และ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ท้วงติง ผู้ถูกกล่าวหาได้ดำเนินการตรวจสอบ และป้องกันการทุจริตหรือไม่ ก็เป็นข้อต่อสู้ของเรามาตลอดเช่นเดียวกัน มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และป้องกันการทุจริตหลายต่อหลายชุด แต่ก็ไม่ได้รับการรับฟังจากป.ป.ช. เช่นกัน
ประเด็นที่ 3 เรื่องการทุจริต อัยการสูงสุดชี้ว่า ควรมีการไต่สวนพยานเพิ่มเติมถึงรายละเอียดว่า มีการทุจริตในขั้นตอนใดบ้าง รวมถึงให้รวบรวมรายงานวิจัยโครงการนโยบายข้าว ของสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)ที่ชี้ว่า โครงการรับจำนำข้าว มีการทุจริต เพราะขณะนี้มีเพียงหน้าปกรายงานเท่านั้น อัยการสูงสุดคำนึงถึงพยานหลักฐานเป็นสาระสำคัญ ฉะนั้นจึงพบว่า ยังมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ ฝ่ายกฎหมายของเราไม่ก้าวล่วงไปในส่วนของดุลพินิจ แต่เราพร้อมต่อสู้ใน 3 ประเด็นดังกล่าว และเคยต่อสู้ไปแล้วในชั้น ป.ป.ช. แต่ถูกตัดออกไป ทั้งนี้หากมีการเรียกพยานไปสอบสวนเพิ่มเติม เราพร้อมทั้งพยานบุคคล และพยานเอกสาร มั่นใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความผิดตามที่ ป.ป.ช. และพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา
" เรื่องการทุจริต เป็นประเด็นที่เราต่อสู้อย่างหนัก ที่อ้างว่าทุจริตทุกขั้นตอนนั้น เกิดขึ้นขั้นตอนใด ที่ไหน อย่างไร และใครทุจริต ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ข้ออ้างการสวมสิทธิ์ โกงความชื้น และลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ก็ไม่ปรากฏในรายงาน ป.ป.ช. แต่อย่างใด มีแต่การอ้างงานวิจัยของ TDRI ที่อัยการสูงสุดชี้ว่า มีเพียงหน้าปกเท่านั้น" นายพิชิต กล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากนี้ ทีมทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงจะนำพยานหลักฐานมาชี้แจงต่อคณะกรรมการร่วมเพิ่มเติม หรือในส่วนที่ขาดหายไป หากมีการเรียกขอข้อมูลเพิ่ม เพราะในชั้นการสอบสวนของป.ป.ช. มีการตัดพยานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปจำนวนมาก เชื่อว่าคณะกรรมการร่วมจะให้ความเป็นธรรมในประเด็นนี้
"อยากฝากไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า อย่าพยายามลากเกมการเมืองมาเกี่ยวโยงเรื่องนี้ การเปิดตัวหนังสือของนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ มีวาระซ่อนเร้นชัดเจน การออกมาแก้ข่าวว่า สาเหตุที่ต้องเปิดตัวที่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่มีเงินเช่าที่ และเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาในฐานะคนเขียนคำนิยมนั้น เป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เลี่ยงบาลี หนีความผิด คนหนึ่งเคยเป็นถึงนายกฯ อีกคนเป็นอดีต ส.ส.หลายสมัย ย่อมรู้ และเข้าใจดีถึงคำสั่งและประกาศ คสช. แต่ก็ยังกล้าฝ่าฝืน เรื่องนี้กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา จุดประสงค์เพื่อหวังผลทางการเมือง มุ่งโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ และโครงการรับจำนำข้าว เล่นการเมืองเกินเหตุ บ้านเมืองวุ่นวายไม่รู้จบเพราะพฤติกรรมลักษณะนี้
** "น้องไปป์"เตรียมไปเรียนอังกฤษ
ด้านนายสิงห์ทอง บัวชุม คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ น้องไปป์ บุตรชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ลาออกจากโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ (Harrow)ย่านดอนเมืองแล้ว เพื่อเตรียมย้ายไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ใช้โอกาสเมื่อคราวขออนุญาต คณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) ไปพักผ่อนต่างประเทศ เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา แวะเข้าเยี่ยม และเตรียมความพร้อมเรื่องสถานศึกษาให้แก่บุตรชายด้วย แต่ตนไม่ทราบว่า ด.ช.ศุภเสขกข์ เข้าศึกษาที่โรงเรียน หรือสถาบันใด
"น้องไปป์คงไปเรียนรู้เรื่องประชาธิปไตย เหมือนคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยืนยัน ไปเรียนอังกฤษแน่นอน เนื่องจากการเรียนในไทย คงไม่สะดวกหลายอย่าง ทั้งเพื่อนๆ ร่วมโรงเรียน และคนรอบข้าง ทั้งนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ คงไม่เดินทางไปอยู่กับน้องไปป์ขณะเรียนที่ต่างประเทศ และยังไม่กำหนดแผนการเดินทางไปต่างประเทศแต่อย่างใด หากจะไปก็ต้องขออนุญาติคสช." นายสิงห์ทอง กล่าว
นายสิงห์ทอง กล่าวด้วยว่า เวลานี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะยังคงอยู่เมืองไทย ยังสู้เรื่องคดีความต่างๆ เพราะยังเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. บอกไว้ว่า การดำเนินการให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติ ไม่ใช้อำนาจพิเศษอะไร ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยังเชื่อมั่นตรงนั้น
" ขออย่าใช้อำนาจพิเศษ หรือมีธง เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นได้ในอนาคต" นายสิงห์ทอง ระบุ
** หลุดปาก"ปู"ผิดให้รับโทษประหาร
สำหรับการต่อสู้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โครงการรับจำนำข้าว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่ ป.ป.ช. ส่งสำนวนมาที่อัยการสูงสุดนั้น นายสิงห์ทอง กล่าวว่า การดำเนินการร้อง เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมแบบปกติ ไม่ใช่การเร่งรัดเหมือนกรณีการตัดสินของ องค์กรอิสระบางองค์กร ซึ่งต้องรอทางอัยการสูงสุด จะสั่งฟ้องหรือไม่ หรือจะใช้เวลาพิจารณาเพิ่มเติมอีก ขั้นตอนนี้ทีมทนายความจะติดตามและดำเนินการตามขั้นตอน ฉะนั้นยังมีเวลาอีก ทั้งนี้หาก ป.ป.ช.จะฟ้องเองก็เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมที่จะเข้าสู้กระบวนการยุติธรรม ยืนยันแบบนั้นมาตลอด
"นายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นคนมีสัจจะ รักษาสัญญา ขออนุญาตคสช. เดินทางไปต่างประเทศ ก็กลับมาตามสัญญา วันนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องหนี นายกฯยิ่งลักษณ์ ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ต้องสู้ อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด ไม่มีทางที่จะหนีคดีแน่นอน ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ในกระบวนการยุติธรรม ขอให้เป็นเรื่องความยุติธรรม ความเสมอภาค ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่น ไม่ใช่อีกฝ่ายหนึ่งทำอะไรไม่ผิดเลย” นายสิงห์ทอง กล่าว
นายสิงห์ทอง กล่าวอีกว่า สำหรับการเดินทางมายื่นเรื่องต่อ คสช. ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ให้กำลังใจมา และมั่นใจเต็มร้อยว่าตัวเองบริสุทธิ์ เพราะเป็นเรื่องนโยบายของรัฐ แต่ถ้ากรณีมีขั้นตอนการทุจริต คอร์รัปชั่น จากการที่พ่อค้า นายทุน โรงสี หมุนข้าวออกไป แล้วนำกลับมาไม่ทัน อันนั้นเป็นเรื่องความผิดส่วนบุคคล ไม่ใช่รัฐบาลมีความผิด และวันนี้ที่ ป.ป.ช. ชี้ ไม่ใช่เรื่องทุจริต แต่เป็นกรณีที่ผิด มาตรา 157 หากคสช.หรือ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีความจริงใจ จริงจัง ต่อการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ก็ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด ไม่ต้องลดหย่อนผ่อนโทษ อยากให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า แผ่นดินสูงขึ้น
" ถ้านายกฯยิ่งลักษณ์ ทุจริตจริง ประหารชีวิตเลย แต่ขอให้มีความเป็นธรรม เราอยากให้การทุจริต คอร์รัปชันหมดไปจากประเทศไทย แต่เพราะปัญหาระบบอุปถัมถ์ จึงได้เกิดปัญหาสะสมมาอย่างยาวนาน ทั้งนายทุน และนักการเมืองบางส่วน" นายสิงห์ทอง กล่าว