เกาะกระแส
00 ถือว่าเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงศักราชใหม่ด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา กลายสภาพมาเป็นหวานชื่นกันแบบทันใจ หากย้อนกลับไปไม่กี่ปีอย่างน้อยในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรมว.กลาโหมมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ.เกิดสงครามชายแดน มีการสู้รบบาดเจ็บล้มตาย ความสัมพันธ์สองประเทศตึงเครียด แต่ผ่านมาไม่นานทุกอย่างกำลังพลิกเป็นหลังมือ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่การรัฐประหารของ คสช.วันที่ 22 พ.ค.เป็นต้นมา เพราะหลังจากนั้น ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ก็ส่งสัญญาณแตะมือฟื้นความสัมพันธ์ พร้อมประกาศยืนยันไม่ยอมให้ใครใช้ดินแดนกัมพูชาต่อต้านรัฐบาลไทยเป็นอันขาดซึ่งก็คือ "เครือข่ายทักษิณ"ที่หลบหนีข้ามแดนไปอยู่ที่นั่น นั่นแหละพร้อมทั้งสำทับความหมายไปถึงคนแดนไกลว่า "หวังว่า ทักษิณคงจะเข้าใจ"
00 เรื่องราวที่กำลังเปลี่ยนไปแบบนี้มันย่อมตีความได้ว่า ผู้นำกัมพูชาที่ปกครองผูกขาดมานานกว่า 30 ปี ย่อม"มองขาด"แล้วว่าควรเดินแต้มแบบไหน มองออกว่า ระบอบทักษิณ แม้จะยังไม่พังทลาย แต่ก็คงไม่รุ่งเรืองแบบเดิมแล้ว และนี่คือความหมายของการ"รักษาระยะห่าง"เอาไว้อย่างเหมาะสม อย่างน้อยก็สมควรเป็นมิตรกับไทยจะดีกว่า และด้วยยืนยันถึงท่าทีดังกล่าวอย่างรวดเร็วหากจำกันได้เมื่อเดือนก่อนได้เคยส่งลูกชาย "พล.ท.ฮุนมาเน็ต" ซึ่งเป็นรอง ผบ.ทบ.เป็นตัวแทนอำนาจเดินทางมาพร้อมกับคณะของ "เตียบัญ"มาเยือนไทยและได้รับการต้อนรับเยี่ยงผู้นำประเทศ โดยก่อนหน้านั้นก็สนองตอบด้วยการปล่อยตัว วีระ สมความคิด กลับมา
00 ล่าสุดเมื่อวันก่อน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ แต่เข้าใจว่าเดินทางไปเยือนกัมพูชาเป็นการตอบแทนในฐานะผู้นำกองทัพ ฐานะผบ.สส.ยังไม่ได้ถวายสัตย์ฯและรัฐบาลยังไม่ได้แถลงต่อสภาฯ เป็นการนำคณะผู้นำเหล่าทัพ ทั้ง ผบ.ทร. ผบ.ทอ.ซึ่งทุกคนล้วนเป็นรัฐมนตรีทั้งสิ้น น่าสนใจไปอีกก็คือ มี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ว่าที่ ผบ.ทบ.ร่วมคณะไปด้วย เรียกว่าที่ไปเยือนแบบ "ซุปเปอร์บิ๊ก"ก็แล้วกัน ถึงไม่ใช่ไปเยือนในฐานะรัฐบาล แต่มันก็ใกล้เคียง และให้เกียรติสูงยิ่ง เพราะเป็นการเยือน"เป็นประเทศแรก"ในอาเซียน ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่บรรยากาศชื่นมื่น ทั้ง ฮุนเซ็น และเตียบัญ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ถึงกับกล่าวว่าหมดห่วงเรื่องชายแดนกันเลยทีเดียว
00 อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะหมดห่วงเรื่องความขัดแย้ง และเรื่องปัญหาชายแดนตามที่ เตียบัญ ยืนยัน แต่ที่น่าจับตาและจ้องมองเป็นพิเศษก็คือเรื่อง "พื้นที่ในอ่าวไทย"ที่เป็นแหล่งพลังงานต่างหากว่าจะออกมาอย่างไร จะมีการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์กันแบบไหนต่างหาก และมันจะเชื่อมโยงไปถึงการปฏิรูปพลังงานและการอนุญาตสัมปทานรอบใหม่อีกด้วย นี่คือเรื่องที่ต้องติดตามกันแบบห้ามกระพริบตาอย่างเด็ดขาด !!
00 จะเรียกว่าแกว่งปากหาเรื่องย้อนเข้าตัวก็ไม่ผิดนักกับคำพูดของ พงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯคนสนิทของระบอบทักษิณ ที่ออกมาเรียกร้องระหว่างไปร่วมวันเกิด สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย ทักษิณ ชินวัตร ว่าให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รีบแถลงนโยบายต่อสภาโดยเร็ว ก็ไม่รู้ว่า "ความจำเสื่อม"หรือว่าสักแต่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อยหรืออย่างไร จำไม่ได้หรือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้ว่าบังคับให้ต้องแถลงนโยบายตามโพย แต่คำถามก็คือการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี กว่าแถลงออกมาได้ก็ผ่านไปเกือบ 2 ปี ความหมายก็คือคนพวกนี้ไม่ได้เคารพในหลักการรัฐสภาอะไรหรอก เพียงแต่ใช้เป็นเครื่องมือเป็นองค์ประกอบของระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
00 นี่ก็เช่นเดียวกันการออกมาเคลื่อนไหวที่ส่งผ่านโซเชี่ยลฯของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากไปเที่ยวชมตลาดน้ำแห่งหนึ่งในอยุธยา อย่างน้อยสื่อไปถึงบรรดาสาวกทั้งหลายไม่ให้ลืม และที่สำคัญอาจเป็นการส่งสัญญาณออกไปว่า "อย่าทิ้งกันนะ"ในยามที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลในอนาคต เนื่องจากหลายคดีกำลังงวดเข้ามา เท่าที่กระชั้นเข้ามาก็คือการทุจริตจำนำข้าวที่ใกล้ครบกำหนดชี้ขาดของอัยการสูงสุดว่าจะสรุปฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาหรือไม่ มันน่าหวาดเสียว !!