เกาะกระแส
00 วันที่ 26 ส.ค.เป็นวันเกิดครบรอบ 94 ปีของ"ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถือว่าเป็น"เสาหลัก"ของบ้านเมือง แต่วันนี้บรรยากาศคงเปลี่ยนไปเมื่อ ป๋า ปิดบ้านสี่เสา ไม่ให้บรรดาผู้นำเหล่าทัพ นายตำรวจตบเท้าเข้าอวยพรเหมือนทุกปี มีการแจ้งผ่านนายทหารคนสนิทออกมาว่า "ไม่อยากรบกวน"รวมทั้งคำพูดที่บอกว่า "เกรงใจ" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ผบ.ทบ.และนายกฯคนใหม่ เนื่องจากเห็นว่า"มีงานเยอะ"
00 ที่จริงก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ ป๋าเปรม ไม่อยากรบกวน เพราะถ้าเปิดบ้านสี่เสาให้บรรดานายทหาร นายตำรวจตบเท้าเข้าอวยพร ก็ต้องมีการเตรียมการมากพิธี อีกทั้งยังเป็นช่วงใกล้แต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ประจำปีในกองทัพ หากมีการพูดถึงใครหรือโอภาปราศรัยกับใครเป็นพิเศษ ก็จะมีการตีความกันไปต่างๆนานา อย่างไรก็ดีมันก็อดไม่ได้ที่จะคิดเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่เปิดบ้านให้บรรดานายทหาร ตำรวจลูกหลานๆได้เข้าอวยพรและขอพรไปพร้อมๆกัน มันก็เหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง และที่สำคัญเป็นวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯเป็นนายกฯคนที่ 29 พอดี
00 มองในแง่บวก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อาจมีความปราถนาให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารบ้านเมืองราบรื่น ไม่ต้องการให้ถูกโยงไปพัวพันกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ค.อีก เหมือนกับคราวก่อนที่โดนร่างแหเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 หากสังเกตคราวนี้แทบไม่มีการเอ่ยถึง"ป๋า"เลย มีการกันออกมาตั้งแต่เริ่มแรก ดังนั้นเพื่อกันข้อครหาให้หมดจดจึงต้องปิดประตูบ้านชั่วคราว แต่สำหรับคนที่คิดวิเคราะห์ปรากฏการณ์ดังกล่าวในเชิง "อำนาจใหม่"ทาบบารมีจาก"ใคร"หรือเปล่า ไม่อยากให้คิดไปไกลขนาดนั้น แต่สำหรับ ป๋าเปรม ทำอะไรต้องคิดรอบคอบเสมอ !!
00 ปัญหาท้าทายความสามารถ"ของจริง" รอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกฯและ หัวหน้า คสช.รวมทั้ง ผบ.ทบ.ในเวลาที่เหลืออยู่ ที่เร่งด่วนเฉพาะหน้าก่อนก็คือปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำทุกตัว ของแบบนี้คงไม่อาจใช้"ความเด็ดขาด"อย่างเดียวไม่ได้ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างประกอบ ไม่อยากบอก ไม่กล้าแนะนำสั่งสอน เพราะคงไม่มีความสามารถเทียบเท่า แต่เอาเป็นว่า ถ้าแก้ปัญหาความเดือดร้อน หรือชลอปัญหาไม่ได้จนทุกข์หนักลงเรื่อยๆ มันก็จะยุ่งแน่นอน และที่สำคัญชาวบ้านเขาคงไม่ฟังเหตุผลเรื่องกลไกตลาด อุปสงค์อุปทานอะไรนั่น เข้าใจแต่ว่ารัฐบาลต้องช่วยแก้ปัญหา ลำพังชาวบ้านช่วยตัวเองอย่างเดียวก็คงหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว งานนี้แหละต้องใช้"กึ๋น"เข้ามาแล้ว จะให้ฟังเพลง จับมือปรองดองอย่างเดียวคงไม่ไหว
00 วันนี้เป็นคิวของชาวสวนยางทั่วประเทศที่ส่งตัวแทนมาขอความช่วยเหลือจาก คสช.ก่อน หลังจากเดือดร้อนเรื่องราคาตกต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี งานนี้การเมืองหรือไม่การเมืองไม่เกี่ยว เพราะเจอปัญหาแบบเดียวกัน เหนือใต้ อีสาน ออกตก ไม่ต่างกัน อย่างไรก็ดีเชื่อว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.คงมีทางออกได้บ้าง ถ้าทำได้ ทำให้ชาวสวนมีความหวังอนาคตข้างหน้าไปไกลแน่นอน อย่างน้อยเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ คงนั่งได้สะดวกขึ้น !!
00 รู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะไม่อาจหนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ จากสาเหตุที่ มล.ปนัดดา ดิสกุล ปลัดสำนักนายกฯอดีตผู้ว่าฯลูกหม้อมหาดไทยที่ได้ดีในยุค คสช.ออกมาเปิดโปงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า ฟอนเฟะฟุ้งเฟ้อ ทำตัวเป็น"อำมาตย์ใหม่"นั่งเครื่องบินเฟิร์สคลาส จิบไวน์ราคาแพง พูดแบบเหมารวมแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องถูกตอบโต้กลับมาจนต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ เพราะเอาเข้าจริงหาก"ไม่เจาะจง"ก็ต้องบอกว่าพวกข้าราชการโดยเฉพาะอธิบดี ผู้ว่าฯ นายอำเภอ จนไปถึงระดับปลัดอำเภอต่างๆก็มีพฤติกรรมไม่ได้แตกต่างกัน มิหนำซ้ำเรื่องทำตัวเป็น"นาย"ชาวบ้านก็ยังไม่จางลงเท่าไหร่หรอก บางครั้งอาจเลวร้ายกว่าเสียอีก ห่วยกว่าเสียอีก ถ้าให้พูดแบบรวมๆก็ต้องมาจากความรู้สึกแบบนี้จริงๆ
00 อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันแบบในเชิงอำนาจ มล.ปนัดดา ดิสกุล ก็เป็นตัวแทน"การรวบอำนาจ"จากส่วนกลาง มีทัศนคติสวนทางกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น หากจำกันได้ก่อนหน้านี้ไม่นานนักหลังจากเพิ่งเข้ามานั่งในทำเนียบฯก็ ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ แล้วเตรียมเสนอให้เปลี่ยนชื่อเรียกผู้ว่าฯกทม.เป็นนายกเทศมนตรี รวมทั้งสนับสนุนเพิ่มอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯเป็นราชการส่วนภูมิภาคให้มีบทบาทมากขึ้น มันก็เชื่อมโยงให้เห็นว่าอนาคตในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น รวมทั้งปฏิรูปตำรวจ และกระบวนการยุติธรรม คงไม่ง่ายแน่นอน !!
00 แต่ถึงอย่างไรการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นถึงอย่างไรมันปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว เพราะนับวันเป็นความต้องการของชาวบ้านมากขึ้น เพราะเขาได้สัมผัสรับรู้อยู่ทุกวัน มีการเปรียบเทียบกับการทำงานของฝ่ายปกครองส่วนภูมิภาค ไม่เชื่อก็ลองไปสำรวจดูแต่ละเทศบาลที่นับวันมีความแข็งแกร่งพัฒนาไปกว่าเดิมมาก นายกเทศมนตรีหลายคนมีความรู้ เป็นคนรุ่นใหม่ อาจมีบ้างที่ล้าหลัง หรือแม้แต่ นายกฯอบต.หลายแห่งก็ดีขึ้นมากกว่ารุ่นเก่า เพียงแต่ว่ารัฐต้องส่งเสริมให้ชาวบ้านปกครองตัวเอง ให้ความรู้ ให้งบประมาณให้สมกับภารกิจ แต่ที่สำคัญก็คือต้องมีระบบการถ่วงดุล ตรวจสอบให้รัดกุมเพื่อ "ป้องกันทุจริต"ให้ได้เท่านั้น ต้องช่วยกันออกแบบสิ่งนี้มาให้ได้ ไม่ใช่มาขัดขวางท้องถิ่น และองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบไหนซ้ำซ้อนไม่จำเป็นก็สามารถยุบรวมเปลี่ยนแปลงกันได้ เพียงแต่ต้องระดมความเห็นกันอย่างจริงใจเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากการเมืองระดับชาติ ต้องหาทางให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลให้ได้จริง องค์กรอิสระต้องอิสระจริง นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด พูดง่ายแต่ทำยากวุ้ย !!