ผลการประชุมสภากลาโหมเดือนสิงหาคม จัดโครงการปรับปรุงบ้านพักกำลังพล ช่วยเหลือกำลังพลและครอบครัวที่ตายและพิการรายละ 1.5 แสน 89 ราย 8.6 ล้าน แก้กฎกระทรวงบังคับให้ชายไทยชาวเขา-กะเหรี่ยง 400-500 หมู่บ้านต้องเกณฑ์ทหาร พร้อมสั่งแพทย์ 3 เหล่าทัพ เข้มสกัดอีโบลา ให้ทุกเหล่าทัพรับมือภัยพิบัติ
วันนี้ (22 ส.ค.) พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหมประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 3/2557 หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมการบริหารประเทศ โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมประชุม เช่น พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหาร, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.อักษรา เกิดผล, พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เสนาธิการทหารอากาศ ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช.เดินทางไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ วาระการประชุมสภากลาโหมในวันนี้เป็นวาระปกติ โดยเน้นพิจารณากฎหมายสำคัญของกระทรวงกลาโหม ที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เช่น ระเบียบราชการศาลทหาร พุทธศักราช 2532 รวมไปถึงวาระที่เหล่าทัพต่างๆ จะเสนอเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุมสภากลาโหม
หลังจากนั้น พล.อ.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม ในฐานะเลขาธิการสภากลาโหม ได้แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ว่า ที่ประชุมได้สรุปผลการดำเนินงานของกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้จัดทำโครงการปรับปรุงบ้านพักของกำลังพล และครอบครัวของกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ พิการทุพพลภาพ และเสียชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ซึ่งได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษตั้งแต่ 7 ชั้นขึ้นไป เพื่อช่วยเหลือกำลังพล และครอบครัวของกำลังพลที่มีความเดือดร้อนในเรื่องที่พักอาศัยให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สำหรับงบประมาณปี 2557 ทางกองทัพบกได้ให้การช่วยเหลือไปแล้วจำนวน 89 ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 8 ล้าน 6 แสนบาท โดยนำไปจัดสรรให้กำลังพลและครอบครัวของหน่วยต่างๆ รายละ ไม่เกิน 150,000 บาท
พล.อ.อ.ไพชยนต์แถลงต่อว่า ที่ประชุมสภากลาโหมเห็นชอบแก้ไขกฎกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้ กฎกระทรวงเดิมได้ระบุยกเว้นให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ไม่ต้องรับการตรวจเลือก โดยทางกระทรวงเห็นว่าตามรัฐธรรมนูญได้ระบุถึงความเสมอภาคของคนเอาไว้ จึงมีการแก้ไขให้ชายไทยที่มีสัญชาติไทย มีบัตรประชาชน เมื่ออายุครบต้องมาเกณฑ์ทหาร โดยมีบุคคลที่เข้าข่ายมีกระจายอยู่ทั่วประเทศตามแนวชายแดน ประมาณ 400-500 หมู่บ้าน รวมทั้งชาวเขา กระเหรี่ยง และชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในขั้นตอนการประกาศในราชกิจจานุเบกษา หากมีความพร้อมก็อาจจะดำเนินได้ทันในช่วงเดือนเมษายน 2558 ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการสื่อสารระหว่างชาวเขา จึงได้รับการยกเว้น แต่ปัจจุบันสามารถสื่อสารทำความเข้าใจกันได้ รู้เรื่องหมด อีกทั้งกฎหมายไทยระบุว่าชายไทยทุกคนต้องเป็นทหาร
นอกจากนี้ ที่ประชุมสภากลาโหมได้มีความเห็นเกี่ยวกับการบูรณาการ การปฏิบัติการแพทย์ทหารเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยปลัดกระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทยรับผิดชอบบูรณาการกรมการแพทย์ของ 3 เหล่าทัพ เพื่อติดต่อกับต่างประเทศในการช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติ ส่วนความเป็นห่วงเรื่องโรคอีโบลานั้น ขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ในส่วนของทหารทางการกรมการแพทย์เหล่าทัพจะช่วยเฝ้าระวังโดยปลัดกระทรวงกลาโหมได้กำชับให้ดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ หากมีสิ่งบอกเหตุให้ประชาชนแจ้งทหาร ทหารจะไปแจ้งกระทรวงสาธารณสุขเพื่อบูรณาการทำงานต่อไป นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงกลาโหมยังได้แจ้งให้ทุกเหล่าทัพเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติจะที่เกิด โดยเฉพาะอุทกภัยเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน โดยเน้นการเตรียมความพร้อมเรื่องการช่วงเหลือเป็นหลัก อีกทั้งเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยหนาวในฤดูหนาวที่จะมาถึง