หัวหน้า คสช.ถก กก.นโยบายพลังงานแห่งชาติ คุยแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้ายาว 20 ปี แนะฟังเสียงประชาชน ขอแนวทางเริ่มต้นใหม่ 22 พ.ค.เพื่อแก้ไข ปรับปรุงทุกมิติ ด้าน ส.ว.กทม.พร้อม เลขาฯ คปต.ยื่นหนังสือ ค้านแยกท่อก๊าซให้เป็นบริษัท วอนเลื่อนพิจารณา
วันนี้ (15 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อพิจารณาแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ ระยะ20 ปี พ.ศ. 2558-2578 ที่มีสาระสำคัญในการกำหนดแนวทางจัดหาโรงไฟฟ้าให้พอเพียงกับความต้องการในการใช้พลังงาน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาด้านพลังงานต้องรับฟังประชาชนว่ามีความเดือดร้อนอย่างไร และต้องการมีส่วนร่วมอย่างไร ก่อนจะกำหนดการมีส่วนร่วมที่เหมาะสมกับประโยชน์การพัฒนาพลังงานทุกด้าน ทั้งนี้ขอให้แนวทางการพัฒนาพลังงานเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา สิ่งที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้จะดำเนินการเพียงรับทราบ จากนั้นจะนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงทุกเรื่อง ทุกมติ หรือมีการทบทวน เพื่อให้สอดคล้องกับ คสช. อย่างไรก็ตามได้สั่งการไปตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าสิ่งใดที่ดีให้ทำต่อ สิ่งได้ที่ยังไม่ดีต้องแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น สิ่งใดที่ต้องเริ่มต้นใหม่และมีนโยบายที่ชัดเจนให้นำไปสู่การปฏิบัติได้ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ชอบธรรมมาก และโปร่งใสมากที่สุด ทั้งนี้ยอมรับว่าสิ่งที่มีปัญหามาก เมื่อแก้ไขแล้วก็จะดีขึ้น สิ่งที่ทำได้ดีก็เสมอตัว สิ่งที่ทำไม่ดีก็จะถอยหลังไป ฉะนั้นเราต้องช่วยกันเพื่อสร้างพลังงานสร้างชาติให้เกิดความมั่นคงให้ได้
ต่อมาเมื่อเวลา 10.20 น. กลุ่มเครือข่ายประชาชน ประมาณ 30 คน นำโดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน และเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน มายื่นหนังสือถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และอีก 6 หน่วยงาน เพื่อคัดค้านแนวคิด ปตท.ที่จะมีการแยกท่อก๊าซให้เป็นบริษัท โดยอาศัยอำนาจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2544 ก่อนแปรรูป เพราะคณะกรรมการบริษัท ปตท.ไม่มีอำนาจดำเนินการได้ ทั้งนี้ได้ขอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีหัวหน้า คสช.เป็นประธาน และจะประชุมในวันนี้ เลื่อนการพิจารณาไปก่อน หากมีวาระดังกล่าวเข้ามาพิจารณา เนื่องจากเห็นว่าระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่ได้มาจากอำนาจมหาชนของรัฐ ทั้งบนบกและทะเล เป็นสมบัติของแผ่นดิน ปตท.ไม่อาจถือกรรมสิทธิ์แทนรัฐได้ ควรโอนกลับไปเป็นของรัฐ โดยมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขานุการกองทัพบกเป็นตัวแทนรับหนังสือไว้
