xs
xsm
sm
md
lg

ขุมข่ายแม่น้ำ 5 สาย คอนเนกชันใตัปีก คสช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานการเมือง

 ยิ่งแม่น้ำ 5 สายที่ “เนติบริกร” นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายกฎหมาย ในฐานะหัวหน้าทีมยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 พูดเอาไว้ ค่อยๆ ทยอยแตกแขนงกันไปทีละสายเพียงใด ยิ่งเห็นความชัดเจนถึงขุมข่ายขุมกำลังใน คสช.มากขึ้นเท่านั้น

เริ่มตั้งแต่แม่น้ำสายแรกอย่างสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่คลอดมาก่อนใครเพื่อน จาก 197 คน ในปัจจุบันพบว่า ส่วนใหญ่มีคอนเนกชันหรือสายสัมพันธ์ที่ดีทางใดทางหนึ่งกับฝ่ายกุมอำนาจในปัจจุบันทั้งสิ้น

จากการปะติดปะต่อเครือข่ายอำนาจในสนช.สามารถแบ่งได้เป็นก๊กใหญ่ๆ ประมาณ 3 ก๊ก นั่นคือ ก๊กแรกเป็นของพี่ใหญ่แห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา คสช. ที่หนีบเอากัลยาณมิตรเข้ามาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติได้เป็นจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะเหล่าท็อปบูตทั้งใน-นอกราชการ ตลอดจนบรรดาคณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดที่มี “บิ๊กป้อม” เป็นประธานด้วย อาทิ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา ที่ปรึกษา คสช. “บิ๊กหมู” พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำของ “บิ๊กป้อม” สมัยเป็น รมว.กลาโหม “บิ๊กหมู” พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 และเป็นทหารสายบูรพาพยัคฆ์เหมือนกัน พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ อดีต ส.ว.สรรหา และเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 6 พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ อดีต สนช.ปี 49 พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4

นอกจากนี้ยังหอบเอาน้องชายอีก 2 คน เข้ามาเป็น สนช.ด้วย คือ ในราย “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีต ส.ว.สรรหา มาด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับก๊กนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงบรรดาบิ๊กทหาร และอดีตบิ๊กทหารที่เหลือที่แพกกันแน่นใน สนช.

นอกจากขุมพลังของ “บิ๊กป้อม” แล้ว บรรดาอดีต ส.ว.ยังถือเป็นอีกหนึ่งก๊กที่มีจำนวนเสียงอยู่ในหลักสิบขึ้นไป นำโดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่รองประธาน สนช.คนที่ 1 นายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธาน สนช.คนที่ 2 พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีต ส.ว.สรรหา พล.อ.ธีรเดช มีเพียร อดีตประธานวุฒิสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ อดีต ส.ว.สรรหา นายสมชาย แสวงการ อดีต ส.ว.สรรหา นายตวง อันทะไชย อดีต ส.ว.สรรหา นายมณเฑียร บุญตัน อดีต ส.ว.สรรหา นายสม จาตุศรีพิทักษ์ อดีต ส.ว.สรรหา นายบุญชัย โชควัฒนา อดีต ส.ว.สรรหา นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ อดีต ส.ว.สรรหา พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ อดีต ส.ว.ชุมพร และนางนิพัทรา อมรรัตนเมธา อดีต ส.ว.ปทุมธานี

กับอีกก๊กที่หลายฝ่ายมองข้าม แต่หากแพกกันแน่น ควบรวมกันเป็นกลุ่มก้อนได้จะมีไม่น้อยไปกว่าอดีต ส.ว.เลยทีเดียว ซึ่งก๊กนี้ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทของนายวิษณุ เครืองาม และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน สนช.ปี 49 ที่ไม่ได้เข้ามาเป็นสนช.ด้วยในครั้งนี้ อาทิ นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิ เคยเป็นหน้าห้องของนายมีชัย คุณพรทิพย์ จาละ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งสนิทกับนายมีชัย นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นบุตรชายของนายสมภพ โหตระกิตย์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นอาจารย์ของนายมีชัย นางสุวิมล ภูมิสิงหราช อดีตเลขาธิการวุฒิสภา สมัยนายมีชัยเป็นประธานวุฒิสภา นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย อดีต ส.ว.รุ่นเดียวกับนายมีชัย

เช่นเดียวกับคนสนิทของนายวิษณุ ที่มีทั้งนายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย อดีตผู้บริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) นายชัชวาล อภิบาลศรี อดีต สนช.ปี 49 นายปรีชา วัชราภัย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) นายสีมา สีมานันท์ อดีตเลขาธิการ ก.พ.เข้ามานั่งเป็น สนช.ในครั้งนี้ด้วย

จะเห็นว่าบุคคลใน สนช.ทั้งหมดล้วนมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อันสะท้อนถึงหลักการในการคัดสรรคนเข้ามาว่าใช้ตรรกะใด

กระทั่งมาถึงแม่น้ำอีกสายหนึ่งอย่างสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่เริ่มเผาหัวด้วยการประกาศรายชื่อ 77 อรหันต์ ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ประธานและคณะกรรมการสรรหาสมาชิก สปช.ทั้งหมด 11 ด้านกันแล้ว ซึ่งหลายคนร้องยี้เพราะเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า เรื่องขุมข่ายอำนาจใน คสช.นั้นมีจริง เพราะบรรดาที่ปรึกษา คสช.ทั้ง 11 คน มานั่งประกบคุมกันเองหมดทุกคณะ แถมแต่ละคณะยังเลือกเอาบุคคลสนิทตัวเองเข้ามาเป็นกรรมการด้วย

เริ่มตั้งแต่ด้านการเมืองที่มี “บิ๊กป้อม” กุมบังเหียน พร้อมกับลูกทีมคนอื่นๆ ที่เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มนี้ที่มี “ธรรมศาสตร์คอนเนกชัน” เข้ามาเพียบ ทั้งนายนรนิติ เศรษฐบุตร นายสุรพล นิติไกรพจน์ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ หรือแม้แต่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย

ขณะที่ด้านบริหารราชการแผ่นดินที่มี “วิษณุ” นั่งหัวแถว ก็หิ้วแก๊งสเตอร์เข้ามาพรึ่บ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรรมการกฤษฎีกา นำโดยศิษย์พี่ “อ.มีชัย” นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ อดีตเลขาธิการ ครม. นายสีมา สีมานันท์

ไม่ต่างจากด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธาน สนช.นำทีม ก็เกี่ยวแขนเอาคนสนิทแวดวงเดียวผู้พิพากษามาช่วยงาน อย่างนายประสพสุข บุญเดช อดีตประธานวุฒิสภา ซึ่งเคยเป็นอดีตประธานศาลอุทธรณ์ เป็นต้น

ตลอดจนด้านพลังงานที่ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ปรึกษาคสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ ควงแขนอดีตบิ๊ก ปตท.ถึง 3 คนเข้ามาเป็นอรหันต์คัดเลือกบุคคลในด้านนี้ ทั้งประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นายพละ สุขเวช อดีตผู้ว่าการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และนายวิเศษ จูภิบาล อดีตผู้ว่าการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และอดีต รมว.พลังงาน สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

เรียกว่าเพียงแค่ตั้งบุคคลมาเป็นด่านอรหันต์คัดกรองก็ทำให้เห็นเค้าลางของ สปช.จำนวน 173 คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่กันได้พอเลาๆ เพราะแน่นอนว่า คงไม่มีใครเลือกบุคคลที่มีทัศนคติแตกต่างจากเป้าหมายที่วางเอาไว้ แต่จะต้องเลือกบุคคลที่ไว้วางใจและคอนโทรลได้เข้าไปทำหน้าที่

อย่าลืมว่า จำนวนสมาชิก สปช.173 คน ที่ 77 อรหันต์นั่งคัดเลือกกันอยู่ เป็นจำนวนเกินครึ่งหนึ่งจากจำนวนทั้งหมดของ สปช.250 คน หรือจะบอกว่า ผู้ที่ถูกคัดสรรเข้าไปจะเป็นเสียงข้างมากใน สปช.ก็ได้ ดังนั้น จึงน่าจะเน้นคนที่รู้หน้ารู้ใจกันมากกว่า

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงน่าหวาดเสียวว่า หากผลออกมาเป็นหน้าเก่าๆ ที่มีคอนเนกชันกับฝั่งอำนาจ เหมือนกับ สนช.และตัวกรรมการสรรหาก่อนหน้านี้ อาจเป็นช่องให้ศัตรูนำไปดิสเครดิตได้ว่า ไม่มีความหลากหลาย เล่นพวกเล่นพ้อง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ซุ่มอยู่เงียบๆ ทุกวัน รอจังหวะ คสช.พลาด

แบบว่า พลั้งเมื่อไหร่ออกมาขยายปมขย่มซ้ำแน่!!
กำลังโหลดความคิดเห็น