“ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายขอความเป็นธรรมอัยการสูงสุด เพิ่มพยานคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว อ้าง ป.ป.ช.เร่งรีบ รวบรัดสรุปข้อกล่าวหา ตัดพยานสำคัญหลายคนทำข้อเท็จจริงหลายประเด็นไม่สมบูรณ์
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ถูกกล่าวหาจาก ป.ป.ช.ในโครงการรับจำนำข้าวขอให้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ในกรณีที่ ป.ป.ช.ไม่รับคำร้องเพื่อดำเนินการไต่สวนพยานในหลายประเด็นซึ่งทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่ยังมีข้อเท็จจริงและพยานบุคคลที่ ป.ป.ช.ควรดำเนินการสืบพยานอีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้องในโครงการ ดังนั้น การยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดก็เนื่องมาจากการไต่สวนและการดำเนินการของกรรมการ ป.ป.ช.ที่ผ่านมามีกระบวนการที่เร่งรีบ รวบรัด ข้อเท็จจริงที่ได้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้ไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงระหว่างในหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงต่อโครงการรับจำนำข้าว และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีที่มีความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งในเรื่องของค่าเสื่อมคุณภาพข้าว ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิยช์ คิดค่าเสื่อมคุณภาพข้าวปีละ 0.10% แต่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีกลับคิดค่าเสื่อมปีละ 20% ซึ่งหลายฝ่ายทักถ้วงว่าเป็นการคิดค่าเสื่อมที่ไม่เป็นไปตามหลักสากล รวมทั้งการคำนวณค่าความเสียหายและตัวเลขข้าวในสต๊อกที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ยืนยันว่ามีปริมาณข้าวจำนวน 2.977 ล้านตันอยู่ในสต๊อก แต่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีไม่นำมาลงไว้ในจำนวนข้าวที่เหลือเป็นเหตุให้เกิดความคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริง ทำให้ ป.ป.ช.พิจารณาข้อกล่าวหาบนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง
ขณะที่คณะทำงานตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ทำการตรวจสอบปริมาณข้าวซ้ำเป็นครั้งที่ 2 พบว่าปริมาณข้าวที่ดีและถูกต้องมีมากถึงร้อยละ 80 ส่วนอีกร้อยละ 10 เป็นข้าวที่มีคุณภาพไม่ตรงกับบัญชีที่แจ้งไว้ และที่เหลือยังอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า หาก ป.ป.ช.รับคำร้องของผู้ถูกกล่าวหาก่อนชี้มูลความผิด จะทำให้ ป.ป.ช.ได้ข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมา
นายนรวิชญ์กล่าวว่า ความไม่สมบูรณ์ของสำนวน ป.ป.ช.ในหลายประเด็นดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงร้องขอความเป็นธรรม ทั้งในส่วนที่เป็นพยานบุคคลและพยานเอกสาร โดยเฉพาะในส่วนของพยานบุคคล ที่อัยการสูงสุดควรไต่สวนในแต่ละเรื่อง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าอดีตนายกรัฐมนตรีได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ก่อนที่จะดำเนินการยื่นฟ้องหรือไม่ฟ้องต่อไป