แม่ทัพภาค 4 เยี่ยมทหารบาดเจ็บจากชายแดนใต้ เผย “ประยุทธ์” สั่งดูแลประชาชนเต็มที่หลังเกิดคาร์บอมบ์เบตง ต้องตรวจสอบบกพร่องที่คนหรือระบบ รับมี จนท.ประมาท จวกพวกก่อเหตุไร้ศาสนา ถามใครแก้ไฟใต้ได้ขอให้บอก ยันต้องเปลี่ยนความเชื่อให้ประชาชนศรัทธาเจ้าหน้าที่ ไม่อยากให้ใครเกลียด ขอชาวบ้านช่วยดูแล โยนผู้บังคับบัญชาเลื่อนตำแหน่งหรือไม่
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่อาคารมหาวชิราลงกรณ์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า (ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่บริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ประมาณ 40 รายซึ่งรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาดูแลจนกว่าทุกคนจะหายเป็นปกติ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงเทศกาลรอมฎอน โดยเฉพาะเหตุคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ อ.เบตง จ.ยะลานั้น พล.ท.วลิตกล่าวว่า ผบ.ทบ.สั่งการให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ให้ดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดย ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ส่วนพื้นที่เขตเมือง และชุมชน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัดเป็นผู้ดูแล ส่วนในเขตอำเภอให้เป็นหน้าที่ของหน่วยเฉพาะกิจอำเภอ (ฉก.อำเภอ) โดยมีการเพิ่มกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) จำนวนหนึ่งเพื่อดูแลพื้นที่ที่มีความเสี่ยง และที่ผ่านมาตนก็ได้ดำเนินการตามนโยบายในการบูรณาการทุกส่วนงานให้มีความเกี่ยวข้องกันไม่ใช่ต่างคนต่างทำ แบ่งพื้นที่ และมีผู้รับผิดชอบชัดเจน จึงต้องกลับไปดูว่าเป็นความบกพร่องของคนหรือระบบ นอกจากนี้ทุกคนร่วมกันในการดูแลรักษาความปลอดภัย แม้กระทั่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านก็ต้องมีบทบาทมากขึ้น
“กำลังให้เจ้าหน้าที่สอบสวนดูว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุที่ อ.เบตง เกิดจากความผิดพลาดของคนหรือระบบ ถ้าเป็นคนต้องไปลงโทษที่คน ถ้าระบบไม่ดีต้องแก้ที่ระบบ แต่จากการที่สอบถามส่วนหนึ่งน่าจะเป็นความประมาทด้วย เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้เกิดเหตุมานาน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ละเลยในเรื่องการปฏิบัติ ต้องแก้ไขกันต่อไป อย่างไรก็ตาม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สั่งการให้ลงพื้นที่ให้ทั่วถึง ขณะนี้ได้สั่งให้ทุกส่วนเข้าไปดำเนินการดูแลให้เกิดความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจฟื้นฟู” พล.ท.วลิตกล่าว
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวต่อว่า ผู้ก่อความรุนแรงมีเป้าหมายในการทำลายเขตเศรษฐกิจ และเป้าหมายอ่อนแอ โดยเฉพาะชุมชนชาวไทยพุทธบางส่วนก็รวมไปถึงมัสยิด ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุไม่คำนึ่งถึงหลักศาสนา สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องน่าห่วง ขณะนี้ได้ดำเนินการมาตรการในทุกมิติเพื่อทำให้ช่วงเทศกาลรอมฎอนมีความปลอดภัย โดยเฉพาะมิติทางด้านศาสนา เพื่อให้ชาวมุสลิมปฏิบัติตามหลักศาสนา เพราะทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอน ฉะนั้นผู้นำศาสนาต้องดูแลในเรื่องดังกล่าวด้วย
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ คสช.ไม่สามารถคืนความสุขให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ พล.ท.วลิตกล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นมานานแล้ว ไมได้เกิดแค่ 1-2 วัน ฉะนั้นใช้เวลาการแก้ไขปัญหาแค่ 3-5 วันนั้นคงแก้ไขไม่ได้ ถ้าใครทำได้ขอให้บอกด้วย ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาต้องค่อยเป็นค่อยไปในการเปลี่ยนความเชื่อหรือแนวความคิดของคน พร้อมทำตามนโยบายหัวหน้า คสช.ในการทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเจ้าหน้าที่เป็นที่พึ่งได้
“ผบ.ทบ.ท่านสั่งให้ผมพยายามให้เต็มที่ และให้กำลังพลปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชน ไม่มีใครอยากให้ให้ใครเกลียด ผมก็ไม่อยากให้ใครเกลียด เมื่อเกิดเหตุก็เสียใจเหมือนกัน แต่ผมอยากถามว่า อย่างกรณีเมื่อคืนนี้มีการนำระเบิดไปวางไว้ใกล้มัสยิด หรือไว้ในบ้านประชาชน อยากถามว่าใครจะต้องช่วยดูแล และทหารสามารถเข้าไปในบ้านประชาชนอย่างอิสรเสรีหรือไม่ เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกัน” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
เมื่อถามว่า ช่วงนี้อยู่ในช่วงปรับย้ายตำแหน่งจะส่งผลต่อตำแหน่งแม่ทัพภาคหรือไม่ พล.ท.วลิตกล่าวว่า หน้าที่ตนคือทำงานให้ดีที่สุด ตนรับตำแหน่งใดก็แล้วแต่ก็จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ส่วนจะไปรับตำแหน่งใดก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ไม่สามารถเลือกให้ตนเป็นอะไรได้ คนที่เลือกคือผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาเลือกต้องทำงานให้ดีที่สุด ถ้าเห็นว่าทำแล้วดีก็ปรับตำแหน่งขึ้น ถ้าไม่ก็ไม่ได้ปรับ
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่อาคารมหาวชิราลงกรณ์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า (ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่บริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ประมาณ 40 รายซึ่งรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาดูแลจนกว่าทุกคนจะหายเป็นปกติ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงเทศกาลรอมฎอน โดยเฉพาะเหตุคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ อ.เบตง จ.ยะลานั้น พล.ท.วลิตกล่าวว่า ผบ.ทบ.สั่งการให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ให้ดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดย ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ส่วนพื้นที่เขตเมือง และชุมชน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัดเป็นผู้ดูแล ส่วนในเขตอำเภอให้เป็นหน้าที่ของหน่วยเฉพาะกิจอำเภอ (ฉก.อำเภอ) โดยมีการเพิ่มกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) จำนวนหนึ่งเพื่อดูแลพื้นที่ที่มีความเสี่ยง และที่ผ่านมาตนก็ได้ดำเนินการตามนโยบายในการบูรณาการทุกส่วนงานให้มีความเกี่ยวข้องกันไม่ใช่ต่างคนต่างทำ แบ่งพื้นที่ และมีผู้รับผิดชอบชัดเจน จึงต้องกลับไปดูว่าเป็นความบกพร่องของคนหรือระบบ นอกจากนี้ทุกคนร่วมกันในการดูแลรักษาความปลอดภัย แม้กระทั่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านก็ต้องมีบทบาทมากขึ้น
“กำลังให้เจ้าหน้าที่สอบสวนดูว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุที่ อ.เบตง เกิดจากความผิดพลาดของคนหรือระบบ ถ้าเป็นคนต้องไปลงโทษที่คน ถ้าระบบไม่ดีต้องแก้ที่ระบบ แต่จากการที่สอบถามส่วนหนึ่งน่าจะเป็นความประมาทด้วย เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้เกิดเหตุมานาน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ละเลยในเรื่องการปฏิบัติ ต้องแก้ไขกันต่อไป อย่างไรก็ตาม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สั่งการให้ลงพื้นที่ให้ทั่วถึง ขณะนี้ได้สั่งให้ทุกส่วนเข้าไปดำเนินการดูแลให้เกิดความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจฟื้นฟู” พล.ท.วลิตกล่าว
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวต่อว่า ผู้ก่อความรุนแรงมีเป้าหมายในการทำลายเขตเศรษฐกิจ และเป้าหมายอ่อนแอ โดยเฉพาะชุมชนชาวไทยพุทธบางส่วนก็รวมไปถึงมัสยิด ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุไม่คำนึ่งถึงหลักศาสนา สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องน่าห่วง ขณะนี้ได้ดำเนินการมาตรการในทุกมิติเพื่อทำให้ช่วงเทศกาลรอมฎอนมีความปลอดภัย โดยเฉพาะมิติทางด้านศาสนา เพื่อให้ชาวมุสลิมปฏิบัติตามหลักศาสนา เพราะทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอน ฉะนั้นผู้นำศาสนาต้องดูแลในเรื่องดังกล่าวด้วย
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ คสช.ไม่สามารถคืนความสุขให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ พล.ท.วลิตกล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นมานานแล้ว ไมได้เกิดแค่ 1-2 วัน ฉะนั้นใช้เวลาการแก้ไขปัญหาแค่ 3-5 วันนั้นคงแก้ไขไม่ได้ ถ้าใครทำได้ขอให้บอกด้วย ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาต้องค่อยเป็นค่อยไปในการเปลี่ยนความเชื่อหรือแนวความคิดของคน พร้อมทำตามนโยบายหัวหน้า คสช.ในการทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเจ้าหน้าที่เป็นที่พึ่งได้
“ผบ.ทบ.ท่านสั่งให้ผมพยายามให้เต็มที่ และให้กำลังพลปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชน ไม่มีใครอยากให้ให้ใครเกลียด ผมก็ไม่อยากให้ใครเกลียด เมื่อเกิดเหตุก็เสียใจเหมือนกัน แต่ผมอยากถามว่า อย่างกรณีเมื่อคืนนี้มีการนำระเบิดไปวางไว้ใกล้มัสยิด หรือไว้ในบ้านประชาชน อยากถามว่าใครจะต้องช่วยดูแล และทหารสามารถเข้าไปในบ้านประชาชนอย่างอิสรเสรีหรือไม่ เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกัน” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
เมื่อถามว่า ช่วงนี้อยู่ในช่วงปรับย้ายตำแหน่งจะส่งผลต่อตำแหน่งแม่ทัพภาคหรือไม่ พล.ท.วลิตกล่าวว่า หน้าที่ตนคือทำงานให้ดีที่สุด ตนรับตำแหน่งใดก็แล้วแต่ก็จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ส่วนจะไปรับตำแหน่งใดก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ไม่สามารถเลือกให้ตนเป็นอะไรได้ คนที่เลือกคือผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาเลือกต้องทำงานให้ดีที่สุด ถ้าเห็นว่าทำแล้วดีก็ปรับตำแหน่งขึ้น ถ้าไม่ก็ไม่ได้ปรับ
