“วัชระ เพชรทอง” กังขา “นรวิชญ์” มีความชำนาญอะไรได้เป็นทั้งบอร์ด ธอส.-กสท แถมเป็นที่ปรึกษากรรมการ รฟม. หรือเป็นทนาย “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” จึงได้รับการแต่งตั้ง จี้ให้ออกจากบอร์ดรัฐวิสาหกิจ หากอยากสู้คดีโกงจำนำข้าว พร้อมเตือน คสช.ปล่อย “ปู” ทัวร์ยุโรปเหมือนปล่อยเสือเข้าป่า
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้ข่าวพาดพิงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีไม่อนุญาตให้พิจารณาพยานบุคคลเพิ่มอีก 8 ปาก ในคดีทุจริตในโครงการจำนำข้าวว่า หากนายนรวิชญ์จะทำหน้าที่ทนายในคดีดังกล่าวก็ขอให้นายนรวิชญ์ลาออกจากบอร์ดของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) บอร์ดของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษาคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก่อน การเป็นบอร์ดดังกล่าวได้รับผลตอบแทนและเงินเดือนเฉลี่ยขั้นต่ำปีละ 2.4 แสนบาท สูงสุด 3.6 แสนบาทต่อปีต่อแห่ง แสดงว่านายนรวิชญ์ได้รับเงินขั้นต่ำต่อปี 4.8 แสนบาท หรือขั้นสูง 7.2 แสนบาทต่อปี ยังไม่รวมโบนัสและสวัสดิการตอบแทนอื่นๆ ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าความชำนาญหรือความถนัดก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับงานของรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่นายนรวิชญ์เป็นบอร์ดอยู่ เพราะคาดว่าที่นายนรวิชญ์ได้รับการตั้งแต่งเป็นบอร์ดก็เพราะเป็นทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช่หรือไม่ เพราะเห็นนายนรวิชญ์ทำหน้าที่เป็นทนายช่วยเหลือในคดีจำนำข้าวเพียงอย่างเดียว
นายวัชระยังกล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศไปยังประเทศในทวีปยุโรปว่า ตนขอยกคำสอนโบราณที่กวีเอกสุนทรภู่ได้แต่งไว้สอนคนรุ่นหลัง ฝากถึงหัวหน้า คสช.ว่า “ประเพณีตีงูให้หลังหัก มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย ต้องกำราบจับให้มั่นคั้นให้ตาย จะทำภายหลังยากลำบากครัน” หมายความว่าอย่าให้ประมาทในการกระทำการใดๆ และถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศไปแล้วไม่กลับมายังประเทศไทยซ้ำรอยเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรแล้วใครจะรับผิดชอบ เพราะคดีการทุจริตจำนำข้าวก็งวดเข้ามาทุกขณะ โดยพบความเสียหาย เช่น ข้าวเสื่อมสภาพ ข้าวหาย บัญชีปิดไม่ได้เป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท ใครจะรับผิดชอบในกรณีนี้