“ชินวรณ์” ชี้จำกัดวาระ ส.ส.ไม่ใช่ทางแก้ แนะขจัดการทุจริตเลือกตั้ง ตัดสิทธิคนซื้อเสียง

อดีต ส.ส.ปชป. ตอก กกต.มองนักการเมืองเลว จึงใช้วิธีจำกัดวาระ ส.ส.แค่ 2 สมัย ชี้ไม่ใช่ทางแก้ แนะควรหาวิธีการเลือกตั้งให้มีคุณภาพ ขจัดการทุจริต จัดระบบเลือกตั้งให้สุจริต ใครซื้อเสียงต้องตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ควรตัดทิ้ง เหตุมีแต่นายทุนพรรคที่ไม่รับผิดชอบต่อประชาชน ส่วนการเลือกตั้งแบบเขตใหญ่เบอร์เดียวเป็นการเปิดช่องให้มีการฮั้วกันทางการเมือง

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตกรรมาธิการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ และ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาทางการเมืองว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควรจะตั้งโจทย์ให้ถูกต้องว่าปัญหาที่แท้จริงขณะนี้คือ การทุจริตคอร์รัปชัน ตั้งแต่การซื้อเสียง การซื้อตัว ส.ส. และพรรคการเมือง ตนเห็นว่าประเทศไทยควรจัดระบบการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกำจัดกรณีการซื้อขายเสียงที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมโหฬาร ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น และมีกลุ่มอิทธิพลเข้ามาครอบงำนักการเมืองตามมา

ดังนั้น ต้องใช้ยาแรงต่อนักเลือกตั้งหากมีความผิดอันมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการซื้อเสียงก็ต้องตัดสิทธิไปตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่ให้ใบเหลือง-ใบแดงเท่านั้น นอกจากนี้ ประชาชนทุกคนต้องเป็นผู้เสียหายฟ้องร้องเองได้ หากพบว่ามีการทุจริตเลือกตั้ง

นายชินวรณ์ กล่าวว่า สำหรับแนวคิดของ กกต.ที่เสนอห้าม ส.ส.ดำรงตำแหน่งติดต่อกัน 2 วาระนั้น ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่รากเหง้าที่แท้จริง และไม่ตรงกับกลไกของระบอบรัฐสภา ที่ต้องการมีนักการเมืองอาชีพ เพราะการจัดทำกฎหมาย หรือการนำกฎหมายเข้ามาสู่การบังคับใช้ ก็จะต้องมีความเข้าใจ เรื่องกระบวนการทำกฎหมาย ในฐานะที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย และเป็นผู้ทำกฎหมายด้วย

ส่วนแนวคิดที่จะให้กลับไปใช้เขตเลือกตั้งแบบเขตใหญ่เบอร์เดียวนั้น ถ้าหากแก้ไขปัญหาเรื่องการซื้อเสียงได้ตนคิดว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเขตละคน ให้ ส.ส.รับผิดชอบพื้นที่เอง ขณะเดียวกัน ประชาชนสามารถตรวจสอบได้โดยตรง คิดว่าจะมีผลควบคุมนักการเมืองได้สูงกว่าการใช้การเลือกตั้งแบบเขตใหญ่เบอร์เดียวที่จะนำไปสู่การฮั้วกันของการเมืองในระดับท้องถิ่นมาก

ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรที่จะมี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เพราะจะทำให้มีปัญหาได้ คนที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชนอย่างจริงจัง จะได้ ส.ส.ที่เป็นพวกกลุ่มทุน หรือกลุ่มนักการเมืองสีเทาในท้องถิ่นเข้ามา

“ผมมองว่า กกต.มองจากข้างในมาข้างนอกคือ มองว่านักการเมืองเลวร้าย ต้องกำจัดอำนาจ ซึ่งบางประเด็นก็ขัดแย้งต่อความจริงของระบบรัฐสภา หรือระบบการเป็นตัวแทนของประชาชน เพราะในระบอบประชาธิปไตย จะไม่ให้มีระบอบตัวแทนประชาชนที่ต้องใช้การเลือกตั้งที่มีคุณภาพถือว่าขัดกัน แต่ข้อเสนอของ กกต.ยังไม่ได้มองจากข้างนอกไปสู่ข้างในว่าจะดำเนินการอย่างไรกับกระบวนการจัดการเลือกตั้งให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมบ้าง ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ กกต.ต้องนำมาคิดเช่นเดียวกัน”