ทีมโฆษก คสช.แจง คสช.ลงนาม FATCA กับสหรัฐฯ ทำบัญชีธุรกรรม นักธุรกิจสัญชาติอเมริกัน ไม่หวั่นอียูลดความสัมพันธ์ หลัง “จารุพงศ์-เจ๊เพ็ญ” ตั้งแก๊งเสรีไทย ย้ำโรดแมปเลือกตั้งต้องใช้เวลา พร้อมแถลงจับแก๊งตัดไม้ ยึดของกลางพะยูง-กระยาเลยอื้อ
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงว่า ในการประชุม คสช.เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา คสช.รับทราบการเจรจาจัดทำความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการปฏิบัติตามกฎหมาย Foreign Account Tax Compliance Act (FATCA )ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และให้ความเห็นชอบให้ดำเนินการนำชื่อประเทศไทยขึ้นประกาศในเว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง สหรัฐอเมริกา เพื่อให้กระทรวงการคลังได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 56 เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาระหว่างไทยและสหรัฐฯ ซึ่งกฎหมาย FATCA จะกำหนดให้สถาบันการเงินในประเทศต่างๆ ทำรายงานข้อมูลทางบัญชี ธุรกรรมทางการเงิน และเงินได้ของผู้มีรายได้ซึ่งมีสัญชาติอเมริกันในสถาบันการเงินนั้นๆ ส่งให้สรรพากรของประเทศอเมริกา ซึ่งหากเจ้าบัญชีไม่ให้ความร่วมมือ สถาบันการเงินจะดำเนินการปิดบัญชีหรือหักเงินในบัญชีของลูกค้า สำหรับสถาบันการเงินหากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย FATCA เงินได้ของสถาบันการเงินนั้นที่อยู่ภายใต้ระบบภาษีของสหรัฐอเมริกา หรืออยู่ในประเทศที่ได้ทำความตกลงกับสหรัฐฯ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 30 ของเงินได้ดังกล่าว ซึ่งประเทศไทยได้ร่วมลงนามและบันทึกการเจรจาจัดทำร่างความตกลง FATCA กับสหรัฐฯ แล้วเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 57 โดยได้ปรับร่างความตกลงมาตรฐานให้มีความเหมาะสมกับข้อกำหนดของกฎหมายของไทย ทั้งนี้ การถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 30 นั้นจะไม่มีผลผูกพันต่อประเทศไทย เนื่องจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกประกาศยกเว้นการเก็บภาษีจากสถาบันการเงินกับประเทศที่ทำความตกลง FATCA กับสหรัฐฯ และมีการเผยแพร่ชื่อประเทศนั้นในเว็บไซต์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก่อนวันที่ 30 มิ.ย. 57
เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ว่าสหภาพยุโรป หรืออียู จะมอง คสช.ในทางลบจากกรณีที่นายนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทย และนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จัดตั้งองค์กรเสรีไทยและเรียกร้องประชาธิปไตย ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า คสช.ก็ติดตามอยู่ และได้ชี้แจงในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องว่า คสช.ให้ความสำคัญเรื่องประชาธิปไตย และมีโรดแมปที่นำไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่ก่อนที่จะเลือกตั้งได้ก็ต้องทำให้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คลี่คลายลงไปให้ได้ ซึ่งหัวหน้า คสช.ก็ชี้แจงว่าเบื้องต้นต้องสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพูดคุยและนำไปสู่การปฏิรูป ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ระยะเวลา
เมื่อถามว่า เรื่ององค์กรเสรีไทยจะทำให้อียูจะลดความสัมพันธ์กับไทยหรือไม่ ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า คสช.ก็ชี้แจงผ่านช่องทางต่างๆ และมีแนวทางที่ชัดเจนและมีความจริงใจในการดำเนินการตลอดมาซึ่งจะเดินหน้าต่อไป ส่วนการตัดสินใจของอียูคงต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ที่ดีที่มีต่อกันมา นักธุรกิจและฝ่ายการทูตของอียูที่อยู่ในประเทศไทยคงมีการชี้ไปยังหน่วยงานในอียูเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ในไทยบ้างแล้ว
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงความคืบหน้าการปราบปรามขบวนการทำลายทรัพยากรป่าไม้ในหลายพื้นที่ว่า โดยในพื้นที่กองทัพภาพ 1 ที่ จ.สมุทรปราการ สามารถตรวจพบไม้กระยาเลย ไม้มะค่า ไม้ชิงชัง ไม้แดง ไม้ประดู่ ที่เป็นไม้แปรรูปจำนวน 3,000 แผ่น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ได้ยึดไว้เป็นของกลางและนำตัวผู้ต้องหาส่งดำเนินคดี ขณะที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 จ.สระแก้ว ตรวจยึดไม้พะยูงได้จำนวน 45 ท่อน เลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง และผู้กระทำผิด 1 ราย จ.ขอนแก่น ตรวจยึดไม้พะยูง จำนวน 142 ท่อน รถยนต์ 3 คัน จักรยานยนต์ 13 คัน ผู้ต้องหา 8 ราย จ.นครพนม ตรวจยึดไม้พะยูงได้ จำนวน 73 ท่อน เลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง จ.บึงกาฬ ตรวจยึดไม้พะยูงได้จำนวน 113 ท่อน รถเข็น 2 คัน ผู้ต้องหา 5 ราย จ.บุรีรัมย์ ตรวจยึดไม้พะยูงได้ จำนวน 31 ท่อน รถยนต์ 2 คัน เลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง จ.ร้อยเอ็ด ตรวจยึดไม้พะยูงได้จำนวน 60 ท่อน จ.เลย สามารถตรวจยึดไม้กระยาเลยได้จำนวน 50 แผ่น จ.ศรีสะเกษ ตรวจยึดไม้พะยูงได้จำนวน 33 ท่อน จ.หนองคาย ตรวจยึดไม้พะยูงได้ 28 ท่อน รถยนต์ 2 คัน จ.อุบลราชธานี ตรวจยึดไม้พะยูงได้ 239 ท่อน ไม้กระยาเลย 334 ท่อน รถยนต์ 1 คัน เลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 จ.เชียงราย สามารถตรวจยึดไม้กระยาเลย 411 ท่อน ยึดคืนพื้นที่ได้ 420 ไร่ จ.เชียงใหม่ ตรวจยึดไม้กระยาเลยได้ 300 แผ่น ยึดคืนพื้นที่ได้ 5 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา จ.น่าน ตรวจยึดไม้กระยาเลยได้ 289 ท่อน ยึดคืนพื้นที่ได้ 1,706 ไร่ จ.พะเยา ตรวจยึดไม้กระยาเลยได้ 107 แผ่น ยึดคืนพื้นที่ได้ 39 ไร่ 51 ตารางวา จ.เพชรบูรณ์ ตรวจยึดไม้กระยาเลยได้ 86 ท่อน ยึดคืนพื้นที่ได้ 5 ไร่ 17 ตารางวา จ.แม่ฮ่องสอน ตรวจยึดไม้สักได้ 89 ท่อน จ.ลำปาง ตรวจยึดไม้สักได้ 30 ท่อน ไม้กระยาเลย 20 ท่อน ยึดคืนพื้นที่ได้ 210 ไร่ 1 งาน 45 ตารางวา ด้านพื้นที่กองทัพภาค 4 จ.กระบี่ ยึดคืนพื้นที่ได้ 33 ไร่ จ.ชุมพร ยึดคืนพื้นที่ได้ 40 ไร่ และ จ.ระนอง ยึดคืนพื้นที่ได้ 36 ไร่