xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” เชื่อเร่งเปิดสัมปทานเล่ห์กลเอื้อกลุ่มธุรกิจพลังงาน ภาวนา คสช.ไม่ด่วนสนอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นางสาวรสนา โตสิตระกูล (แฟ้มภาพ)
“รสนา” เชื่อเร่งเปิดสัมปทานปิโตรเลียม แค่ต้องการเพิ่มก๊าซป้อนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซัดสมัย “รบ.ปู” ผลักภาระ ปชช.จ่ายค่าไฟแพงขึ้น โร่ซื้อก๊าซต่างประเทศป้อนโรงไฟฟ้า แพงกว่า ปตท.ขายก๊าซจากอ่าวไทยให้บริษัทลูก ยันไม่จำเป็นต้องให้สัมปทานเพิ่ม เหตุมีพื้นที่ที่สัมปทานไปแล้วยังไม่ได้ทำการผลิตอีกเยอะ ย้ำควรแก้ไข พ.ร.บ ปิโตรเลียม จ้างผลิตแทนให้สัมปทาน



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. น.ส.รสนา โตสิตระกูล นักรณรงค์ด้านสุขภาพและสิทธิผู้บริโภค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว รสนา โตสิตระกูล หลังจากมีรายงานว่าคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติชุดใหม่ เล็งชงประธาน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา อนุมัติเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 เหตุปริมาณก๊าซฯลดลงทุกปี ว่า

“1) ที่กระทรวงพลังงานเรียกร้องให้รีบเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 เพราะก๊าซจะหมด และจะกระทบการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้านั้น น่าจะเป็นเพียงข้ออ้างมากกว่า เพราะแท้ที่จริงแล้วการต้องการก๊าซเพิ่มนั้นเพื่อป้อนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ตั้งแต่สร้างโรงแยกก๊าซโรงที่ 6 ผู้บริหาร ปตท.เคยพูดในกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ว่าแอลพีจีจากโรงแยกก๊าซโรงที่ 6 จะเอาไว้ให้ปิโตรเคมีใช้เท่านั้น

ส่วนก๊าซที่จะมาป้อนโรงไฟฟ้านั้น ในสมัยรัฐบาล น.ส ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางพร้อม ปตท.ไปทำสัญญาซื้อก๊าซ LNG จากการ์ตาเพื่อมาป้อนโรงไฟฟ้า ซึ่งจะเห็นได้ว่าก๊าซจากอ่าวไทยที่เรียกว่า Gulf Gas มีราคาถูก ปตท.ขายให้บริษัทลูกของตัวเอง ส่วน Pool Gas เป็นก๊าซที่มาจากพม่า และก๊าซ LNG และก๊าซอ่าวไทยที่เหลือใช้ซึ่งมีราคาแพงกว่า จะขายให้ กฟผ.ไปผลิตไฟฟ้า ทั้งที่ กฟผ.เป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐ 100% แต่เหตุใดปล่อยให้ซื้อก๊าซในราคาแพงกว่าบริษัทลูกของ ปตท.ทั้งที่รัฐถือหุ้นใหญ่ใน ปตท. และไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงที่แพงกว่าก็ถูกผลักมาเป็นค่าไฟที่ประชาชนต้องจ่ายแพงขึ้น

2) แหล่งปิโตรเลียมที่รัฐบาลให้สัมปทานไปแล้ว ที่เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้ทำการผลิต คือ 202,722.68 ตารางกิโลเมตร ส่วนพื้นที่ที่มีการผลิตมีเพียง 17,418.419 ตารางกิโลเมตร (ที่มา : รายงานประจำปี 2554 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน หน้า54-55) จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ที่ให้สัมปทานไปแล้วอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำการผลิต จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องรีบร้อนให้เพิ่มอีก เป็นการปล่อยให้เอกชนมาจองพื้นที่แบบจับเสือมือเปล่า เพื่อไปหากำไรจากการขายกรรมสิทธิต่อ

ดังกรณีของสหรัฐฯ อดีตประธานาธิบดีบุช เคยจะขอให้มีการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่ม แต่สภาคองเกรสไม่อนุมัติ โดยบอกให้ไปพัฒนาการผลิตในพื้นที่ที่ให้สัมปทานไปแล้วให้เต็มที่เสียก่อนค่อยมาขอสัมปทานพื้นที่เพิ่ม

การให้สัมปทานปิโตรเลียมของไทยเป็นการให้เอกชนมีกรรมสิทธิเหนืออธิปไตยทางดินแดนของประเทศ ซึ่งประชาชนเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบ และแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียมเสียก่อน เพราะต่างชาติที่ได้สัมปทานพื้นที่ของไทย มีการนำไปเทรดกันในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ

อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการในวุฒิสภาเมื่อกุมภาพันธ์ 2557 ว่า กรณีของแหล่งนงเยาว์ และแหล่งมโนราห์ ซึ่งเป็นสัมปทานของบริษัท เพิร์ลออย ถูกบริษัท มูบาดาลา ของตะวันออกกลางเทกโอเวอร์ในตลาดหุ้นที่สิงคโปร์ และทำกำไรให้บริษัทเพิร์ลออยไป 5,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลไทยไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ ที่บริษัทเอกชนต่างชาตินำผืนแผ่นดินไปไปค้าขายในตลาดหุ้น

3) สัมปทานยุค Thailand 1 ที่ให้สัมปทานไปตั้งแต่ 2514 ที่จะหมดสัมปทานในปี 2565-2566 ตาม พ.ร.บ ปิโตรเลียม 2514 ไม่สามารถให้ต่อสัมปทานได้อีกตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย หากมีปริมาณปิโตรเลียมเหลืออยู่ ควรที่รัฐบาลจะดำเนินการจ้างผลิต แทนการให้สัมปทานต่อ แต่ไม่ว่ารัฐบาลจะเลือกวิธีจ้างผลิต หรือให้สัมปทานต่อ ก็ต้องแก้ไข พ.ร.บ ปิโตรเลียมทั้ง 2 กรณี เพราะพ.ร.บ ปิโตรเลียม 2514 ระบุว่าการผลิตปิโตรเลียมต้องเป็นสัมปทานเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีเวลาในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียมก่อน

4) พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514 มีอายุ 43 ปี แล้ว สมควรมีเปลี่ยนแปลง แก้ไขให้ทันสมัยขึ้น ด้วยการเปลี่ยนระบบจากสัมปทานที่ยกกรรมสิทธิให้เป็นของเอกชน มาเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต ที่เป็นการเปลี่ยนกรรมสิทธิในปิโตรเลียม ข้อมูล และอุปกรณ์กลับมาเป็นของประเทศอีกครั้ง

กระทรวงพลังงานควรต้องรับฟังเสียงของประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากร ไม่ควรดึงดันทำตามความต้องการของกลุ่มธุรกิจพลังงาน โดยหลงลืมผลประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชน

ประชาชนคาดหวังว่าท่านประธาน คสช.ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติจะไม่เร่งรัดการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 ตามความต้องการของกลุ่มธุรกิจพลังงาน และจะนำประเด็นนี้ไปเป็นเรื่องหนึ่งที่จะมีการพิจารณาในสภาปฏิรูปที่จะมีการตั้งขึ้นต่อไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น